วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552

ฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุได้จริงหรือ?

การใช้ฟลูออไรด์ในปริมาณที่เหมาะสม จะมีประสิทธิภาพสูงสุดในการเสริมฟันให้แข็งแรง

เรื่อง: ทพ.พจนารถ พุ่มประกอบศรี

โรคฟันเป็นโรคที่เกิดขึ้นกับทุกคน หากจะรักษาโรคฟันผุโดยวิธีการแก้ไข คืออุดฟันให้ฟันดีทุกๆ ซี่ ในทุกๆ คน โดยปราศจากการคิดหาวิธีป้องกันควบคู่ไปด้วย คงไม่สามารถไล่ทันหรือพิชิตฟันผุให้ลดลงได้ อีกทั้งยังต้องใช้งบประมาณอย่างมากมากมหาศาลชนิดที่ถมเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักเต็ม

เราจะต้องผลิตทันตแพทย์เท่าไหร่ จึงจะพอกับประชากร 60 ล้านคน
เราจะต้องสูญเสียงบประมาณเท่าไหร่ในการซื้ออุปกรณ์วัสดุทางทันตกรรม

ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องยากยิ่งที่เน้นไปที่การแก้ไขให้ตรงจุด

มีหลายประเทศที่เน้นการป้องกัน เพื่อสู้กับโรคฟันผุโดยใช้สารฟลูออไรด์(fluoride) ไม่ว่าจะเติมลงในน้ำประปา น้ำดื่ม หรือใช้ในรูปของยาเม็ดและน้ำยาบ้วนปาก ฯลฯ

ฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุได้จริงหรือ?

การใช้ฟลูออไรด์ในการป้องกันฟันผุทั่วโลกใช้มานานกว่า 50 ปี แล้ว โดยนักวิจัยทางทันตแพทย์ศาสตร์ ได้ศึกษาทดลอง และติดตามผลของฟลูออไรด์จากธรรมชาติ การใช้ฟลูออไรด์ในรูปแบบต่างๆ ในห้องทดลอง และคลีนิกพบว่า

ฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุได้อย่างไร?

การใช้ฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุ เราใช้ได้ 2 รูปแบบ คือ

  • แบบรับประทาน
    พวกที่ผลิตมาสำหรับรับประทานนั้น มาในรูปของยาเม็ด ยาน้ำ ผสมกับน้ำดื่ม ได้จากน้ำธรรมชาติ และในอาหารทะเล ผักต่างๆ
  • แบบสัมผัสโดยตรง
    พวกที่ใช้สัมผัสหรือใช้ทาเฉพาะที่ผิวฟันก็มีในรูปของวุ้นข้นๆ หรือเจล และที่เรามักเห็นคุ้นตาก็คือ ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก

การใช้ฟลูออไรด์สำหรับป้องกันฟันผุให้มีประสิทธิภาพดีที่สุดนั้นต้องใช้ทั้งกินและทาที่ผิวฟันโดยตรง และอยู่ในระยะเวลาที่เหมาะสม คือในแต่ละอายุให้ปริมาณไม่เท่ากัน และวิธีใช้ที่แตกต่างกัน ผู้ปกครองควรที่จะรับรู้วิธีการใช้ฟลูออไรด์อย่างถูกต้องและเหมาะสมจากทันตแพทย์

ฟลูออไรด์ในรูปแบบต่างๆ

  • ฟลูออไรด์ในน้ำประปา ความคิดที่จะใช้ระบบป้องกันฟันผุในชุมชนใหญ่ๆ ให้ได้ผลมีประสิทธิภาพ และเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดนั้นได้มีการศึกษาและทดลองกันอย่างแพร่หลาย และมาสรุปตรงว่าถ้าเราใช้ฟลูออไรด์เติมในน้ำประปาให้มีปริมาณ 1 ส่วน ในล้านส่วนแล้วจะช่วยลดฟันผุได้ถึง 50-60 % ข้อเท็จจริงเหล่านี้จะเห็นได้จากความสำเร็จในหลายๆประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ นิวซีแลนด์ และสิงคโปร์
    สำหรับประเทศไทยเราได้ศึกษาการใช้ฟลูออไรด์ในน้ำประปามาเป็นระยะเวลาพอสมควร และน่าจะได้รับการพิจารณาเป็นโครงการระดับชาติ ที่จะช่วยลดอัตราฟันผุ เช่นเดียวกับหลายประเทศที่ประสบความสำเร็จในเรื่องนี้อย่างยิ่ง
  • ฟลูออไรด์ชนิดเม็ดและน้ำ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะให้เด็กรับประทานฟลูออไรด์ สำหรับชนิดน้ำใช้หยดให้เด็กทารกรับประทานตั้งแต่เกิดจนกระทั่งฟันขึ้น พอรู้จักเคี้ยวอาหารจึงเปลี่ยนมาเป็นชนิดเม็ดในเด็กอายุ 2-3 ขวบขึ้นไป หากรับประทานตั้งแต่เกิดจนอายุ 14 ปี จะทำให้ฟลูออไรด์มีประสิทธิภาพสูงสุดไปเสริมให้ฟันเข็งแรงสมบูรณ์
  • น้ำยาบ้วนปากฟลูออไรด์ ช่วยลดฟันผุได้ 20-25 %
  • ยาสีฟันฟลูออไรด์ ช่วยลดฟันผุได้ 20 %
  • ฟลูออไรด์เจล ที่ใช้ในคลีนิกทันตกรรม เป็นฟลูออไรด์ที่มีความเข้มข้นสูง ใช้ในการเคลือบหรือทาที่ฟันโดยตรงโดยทันตแพทย์ ทำทุกๆ 6 เดือน จะช่วยลดฟันผุได้ 20-30 %

สำหรับผู้สูงอายุฟลูออไรด์ก็มีบทบาทในการป้องกันรากฟันผุในกรณีที่มีเหงือกร่น คนที่ได้รับฟลูออไรด์ปริมาณที่เหมาะสมจะมีการผุของรากฟันต่ำกว่าคนที่ไม่ได้ใช้ฟลูออไรด์ และในกรณีที่เป็นผู้ที่ต้องได้รับการฉายแสงจากการรักษามะเร็งในช่องปาก การใช้ ฟลูออไรด์ เข้มข้นเคลือบฟันให้เนื้อฟันแข็งแรงขึ้น และก็ช่วยลดอัตราการผุของฟันได้อย่างดี

ในกรณีที่มีการเสียวฟันจากคอฟันสึก การใช้ฟลูออไรด์เข้มข้นก็จะช่วยลดอาการเสียวฟันได้เช่นกัน

เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่นักวิจัยทางทันตแพทย์ค้นคว้าจนสามารถนำฟลูออไรด์มาช่วยป้องกันฟันผุจนให้ผลที่น่าพอใจ แต่ก็ยังมีองค์ประกอบอื่นๆ ที่ช่วยเสริมให้สุขภาพช่องปากสมบูรณ์ขึ้น คือ การสร้างอุปนิสัยในการดูแลฟัน และเหงือกโดยการแปรงฟันอย่างถูกวิธี การใช้เส้นใยไนล่อนขัดฟัน การเลือกรับประทานอาหารอย่างถูกต้อง ตลอดจนพบทันตแพทย์ตรวรจฟันทุกครึ่งปี ถ้าทำได้เช่นนี้ก็เชื่อว่าคุณคงจะมีสุขภาพช่องปากที่สมบูรณ์แข็งแรงตลอดไป

ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

ข้อมูลโดย : นิตยสาร Health Today

  อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ invariety-helath.blogspot.com แหล่งรวมบทความของคนรักสุขภาพ

วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2552

กัดฟัน…..ศัตรูตัวร้ายของการนอน

เสียงจากการนอนกัดฟันเป็นศัตรูตัวร้ายของการนอน คนกัดฟันมักไม่รู้ตัวเองแต่คนที่รู้คือคนข้างๆ ไม่ข้างตัวก็ข้างห้อง ที่ต้องทรมานกับการนอนไม่หลับเพราะเสียงกัดฟันของคนอื่น

ทพญ. ภาณุเพ็ญ สิทธิสมวงศ์

"ควบคุมตัวเองไม่ได้ก็มันหลับไปแล้วนี่ครับ" จริงอย่างเขาว่า บางคนรู้ตัวว่านอนกัดฟันจึงพยายามหาทางแก้ไข ไปซื้อฟันยางสำหรับนักมวยมาใส่ก็แล้ว แต่ไม่สามารถหยุดยั้งการกัดฟันได้ ดีอยู่หน่อยที่เสียงเบาลง พอใช้ไปได้ไม่นานฟันยางทะลุ ก็เลยเลิกใช้ไป

กัดฟัน…..ศัตรูตัวร้ายของการนอน

บางคนนอนกัดฟันจนฟันแตกร้าวถึงประสาทและรากฟัน สุดท้ายต้องถอนฟันทิ้งในที่สุด ผลของการนอนกัดฟันไม่เพียงรบกวนผู้อื่น หรือทำให้ฟันแตกร้าวเท่านั้น แต่เจ้าตัวที่นอนกัดฟันยังต้องทรมานกับอาการข้างเคียงอื่นๆ ด้วย เช่น เสียวฟัน ฟันสึกร้าว แตกบิ่น วัสดุที่อุดไว้หลุดบ่อยๆ หรือแตก ทั้งหมดเป็นสาเหตุของฟันผุหากไม่รักษาความสะอาดของฟันให้ดีพอ บางรายที่รุนแรงและเป็นมานานอาจเห็นกล้ามเนื้อข้างแก้มโตขึ้น บางรายมีอาการปวดเมื่อยบริเวณข้างแก้ม ขมับ หน้าหู หรือปวดศีรษะเลยก็มี

แล้วการนอนกัดฟันเกิดขึ้นได้อย่างไร และมีวิธีการรักษาอย่างไรได้บ้าง

การศึกษาสาเหตุของการนอนกัดฟันจะมีมานานแต่ก็ไม่มีข้อสรุป นักวิจัยหลายกลุ่มตั้งข้อสังเกตว่า การนอนกัดฟันมีความสัมพันธ์กับการซ้อนเก สูงต่ำของฟัน อาจเป็นไปได้ว่าขณะนอนหลับการทำงานนอกอำนาจจิตสั่งให้ร่างกายพยายามบดถูให้ฟันซี่ที่สูงกว่าเตี้ยลงเสมอกับฟันซี่อื่นๆ แต่บางกลุ่มเชื่อว่าความเครียดมีอิทธิพลโดยตรงกับการนอนกัดฟัน วันไหนที่มีเรื่องวิตกกังวลมีความเครียดสะสม ร่างกายพยายามระบายความเครียดด้วยการนอนกัดฟัน บางกลุ่มตั้งข้อสังเกตว่าการนอนกัดฟันมักจะเกิดในช่วงที่นอนหลับไม่สนิท หรือนอนหลับลึกไม่พอ ฝันบ่อยๆ ไม่มีใครทราบว่า ทฤษฎีใดถูกต้องและน่าเชื่อถือที่สุด การรักษาจึงยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ นักวิจัยบางกลุ่มเสนอให้ใช้ยาคลายกล้ามเนื้อ กระทั่งยาแก้อาการซึมเศร้า เพื่อให้คนไข้ผ่อนคลาย นอนหลับได้สนิท แต่การใช้ยาทุกประเภทย่อมมีข้อจำกัดและผลข้างเคียง

ในช่วงหนึ่งที่ทฤษฎีเกี่ยวกับการเรียงตัวผิดปกติของฟันทำให้เกิดการนอนกัดฟันเป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลาย หมอฟันแก้ไขการสบฟันโดยกรอปรับฟันที่เป็นจุดค้ำ หรือสบสะดุดเพื่อให้ฟันสบได้ดีขึ้น และด้วยความหวังว่าจะหยุดการนอนกัดฟันได้ แต่ผลกลับไม่เป็นเช่นนั้น ในคนไข้หลายรายยังคงนอนกัดฟันอยู่ การกรอฟันจึงไม่ใช่การแก้ไขอาการที่พึงปรารถนานักในปัจจุบัน เพราะนอกจากต้องสูญเสียเนื้อฟันแล้วยังไม่สามารถกำจัดอาการนอนกัดฟันได้

เคยมีจิตแพทย์ท่านหนึ่งถามทันตแพทย์ว่า ไม่มีวิธีจัดการกับการนอนกัดฟันจริงหรือ โดยเฉพาะในคนไข้ที่ไม่มีความเครียดใดๆ ทำไมยังนอนกัดฟันอยู่ กรณีนี้ทันตแพทย์เชื่อว่าการนอนกัดน่าจะเกิดจากหลายสาเหตุร่วมกัน เช่น ฟันไม่สบกันพอดี การนอนหลับไม่สนิท กระทั่งจิตใต้สำนึก และสาเหตุที่ยากแก่การสันนิษฐาน การแก้ไขเพียงสาเหตุเดียวจึงไม่ทำให้หายจากอาการได้

ทางออกที่ดีที่สุดที่พอจะทำได้ คือ การป้องกัน แต่ไม่ได้ป้องกันนอนกัดฟัน แต่เป็นเพียงการป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับฟันและระบบบดเคี้ยว หรือผลพวงของการกัดฟันต่างหาก โดยทำเฝือกสบฟันที่เป็นพลาสติกใส่ขณะนอนหลับ การวิจัยรายงานว่าสามารถหยุดการนอนกัดฟันได้ถึงร้อยละ 20 แต่อย่างน้อยก็ทำให้เสียงกัดฟันเบาลง ฟันไม่แตกหัก ประคองสภาพฟันให้ถูกทำลายช้าลง ไม่เมื่อยหน้า หรือปวดศีรษะหลังตื่นนอน เพียงเท่านี้ก็นับว่าประสบผลแล้ว แต่หลายคนก็ทนใส่เฝือกไม่ได้อีกเช่นกัน เพราะจะรู้สึกเหมือนอมอะไรนอน และมีน้ำลายไหลมาก ซึ่งก็ต้องชั่งน้ำหนักดูว่าอย่างไหนคุ้มกว่ากัน แรกๆ อาจไม่ชินแต่ถ้าทำความคุ้นเคยกับเฝือกสบฟันทุกวันก็น่าจะดีขึ้นได้

ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

ข้อมูลโดย : นิตยสาร Health Today

  อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ invariety-helath.blogspot.com แหล่งรวมบทความของคนรักสุขภาพ

วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2552

เรื่องของกลิ่นปาก

กลิ่นปากคือลมหายใจที่ผ่านช่องปากมีกลิ่นเหม็นเป็นครั้งคราวหรือมีกลิ่นตลอดเวลาก็ได้ คนส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัวว่ามีกลิ่นปาก อาจทดสอบด้วยตัวเองด้วยการใช้มือบังบริเวณปากและจมูก แล้วหายใจออกทางปาก ตามด้วยหายใจเข้าทางจมูกก็จะได้กลิ่นปาก
article : พญ.สมศรี ประยูรวิวัฒน์ อายุรแพทย์ แปลและเรียบเรียง
เรื่องของกลิ่นปาก
สาเหตุ

  • อนามัยช่องปากไม่ดี มีเศษอาหารค้างในช่องปากเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากฟันผุ เหงือกอักเสบ การแปรงฟันไม่สะอาด ไม่ได้ใช้ไหมขัดฟันหลังกินอาหาร จึงมีเศษอาหารค้างอยู่ในช่องปาก ซอกฟัน นอกจากนี้ยังเกิดจากคราบแบคทีเรียที่เกาะตามฟัน เหงือก ลิ้น ซอกฟันเก ฟันปลอมและอุปกรณ์ทางทันตกรรม เมื่อเชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตเพิ่มจำนวนมากขึ้น ก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นได้ เลือดออกตามไรฟันเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของกลิ่นปาก
  • บุหรี่ คราบสารนิโคติน และทาร์ (tar) ในบุหรี่ที่เคลือบตามฟันและติดแน่นอยู่กับเหงือก ช่องปากและปอด ทำให้ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น
  • สุขภาพทั่วไป กลิ่นปากอาจเกิดจากโรคต่างๆ เช่น ทอนซิลอักเสบ ปอดอักเสบ แผลในช่องปาก ไซนัสอักเสบ ไข้หวัด โรคของกระเพาะอาหาร ยาบางชนิด
  • อาหาร โดยเฉพาะเครื่องเทศ กระเทียม หอม สุรา ซึ่งจะมีกลิ่นติดปากประมาณ 1-2 วัน นมและเนยก็มีส่วนให้เกิดกลิ่นปากได้
  • ปากแห้งอันมีสาเหตุมาจากน้ำลายน้อย เช่น ผู้มีอาชีพใช้เสียง หรือผู้ป่วยภูมิแพ้ที่นอนอ้าปากหายใจทางปากขณะหลับ การเคี้ยวอาหารช่วยให้น้ำลายออกมากขึ้น
  • อายุ แม้ว่าจะดูแลอนามัยช่องปากเป็นอย่างดีแล้วก็ตาม อายุที่สูงขึ้นมีส่วนทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของต่อมน้ำลาย ผลิตน้ำลายน้อยลง
การดูแลตนเอง กลิ่นปากสามารถหายได้ด้วยการรักษาสุขอนามัยช่องปากให้ดี หากยังไม่ดีขึ้นควรพบทันตแพทย์
  • ทางที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหากลิ่นปากคือ การแปรงฟันหลังอาหารทุกมื้อและใช้ไหมขัดฟันทุกวัน อีกทั้งพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากทุก 6 เดือน
  • หากมีเลือดออกตามไรฟันขณะแปรงฟันหรือหลังใช้ไหมขัดฟันเป็นเวลาเกิน 3 สัปดาห์ อาจเกิดจากเหงือกอักเสบ ควรพบทันตแพทย์
  • ควรแปรงลิ้นให้ถึงโคนลิ้นด้วยแปรงที่อ่อนนุ่มทุกวัน เพราะลิ้นเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียเช่นกัน พบว่าผู้ที่แปรงลิ้นมีกลิ่นปากน้อยกว่าผู้ที่แปรงฟันโดยไม่แปรงลิ้น
  • ผู้ที่สูบบุหรี่ควรหยุดสูบบุหรี่ทันที กลิ่นปากจะหมดไปหลังหยุดสูบบุหรี่ 2 สัปดาห์
  • ดื่มน้ำปริมาณมากเพื่อป้องกันปากแห้ง
  • กินผักสดและผลไม้ที่มีกากใยอาหาร เป็นการช่วยทำความสะอาดฟัน
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น หอม กระเทียม เครื่องเทศ
  • น้ำยาบ้วนปาก ยาอม และสเปรย์ดับกลิ่นปาก ช่วยบดบังหรือระงับกลิ่นปากได้ชั่วคราว ไม่ควรอมยาอมที่มีรสหวานเพราะเป็นเหตุให้แบคทีเรียเติบโตดี ส่งผลให้ฟันผุและเกิดกลิ่นปากมากขึ้น
  • ทำความสะอาดฟันปลอมทุกคืนตามคำแนะนำของทันตแพทย์
  • ไม่ควรงดอาหารบางมื้อเพราะการเคี้ยวช่วยเพิ่มการหลั่งน้ำลาย
การรักษา

  • ตรวจสุขภาพช่องปากเพื่อหาสาเหตุ และรักษาตามสาเหตุ
  • ส่งไปพบแพทย์ หากสาเหตุของกลิ่นปากไม่ได้เกิดจากปัญหาในช่องปาก
ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

การดูแลช่องปากระหว่างจัดฟัน

ในคนที่ได้รับการจัดฟันเพื่อให้ฟันเป็นระเบียบและเข้าที่เรียบร้อยดูดีขึ้น แต่ปัญหาที่พบบ่อยๆ หลังจากติดวัสดุไว้ที่ฟันก็คือการดูแลทำความสะอาดเป็นพิเศษ คือ เครื่องมือจัดฟันหลุด และถ้าการรักษาความสะอาดในช่องปากไม่ดีพอ ก็จะเป็นสาเหตุทำให้ฟันผุและโรคเหงือกอักเสบตามมาได้

ทพ.พจนารถ พุ่มประกอบศรี

ในคนที่ได้รับการจัดฟันเพื่อให้ฟันเป็นระเบียบและเข้าที่เรียบร้อยดูดีขึ้น แต่ปัญหาที่พบบ่อยๆ หลังจากติดวัสดุไว้ที่ฟันก็คือการดูแลทำความสะอาดเป็นพิเศษ คือ เครื่องมือจัดฟันหลุด (อุปกรณ์ที่ติดไว้กับฟันในการจัดฟัน) และถ้าการรักษาความสะอาดในช่องปากไม่ดีพอ ก็จะเป็นสาเหตุทำให้ฟันผุและโรคเหงือกอักเสบตามมาได้

ทันตแพทย์จัดฟันจึงต้องย้ำเน้นในเรื่องการดูแลฟันในคนที่จัดฟันเป็นพิเศษ เพราะคง
ไม่ดีแน่ถ้าเมื่อถอดเครื่องมือจัดฟันแล้วฟันสวยเป็นระเบียบดี แต่มีรอยผุ สีขุ่นเหลืองเพราะดูแลไม่ดีพอ

การดูแลช่องปากระหว่างจัดฟัน

ปฏิบัติง่ายๆ ด้วย ข้อควร และ ไม่ควรทำ ดังนี้

  • การรับประทานผัก ผลไม้ ควรแบ่งเป็นชิ้นเล็กๆ พอคำ ควรใช้ฟันกรามหลังและควรเลือกรับประทานอาหารอ่อน
  • อย่าใช้ฟันกัด ปากกา ดินสอเล่น แทะเล็บ เพราะอาจทำให้เหล็กยึดฟันหลุดได้เช่นกัน

การทำความสะอาดฟันและเครื่องมือจัดฟัน

หลังติดเครื่องจัดไว้ที่ฟันแล้ว อาจรู้สึกเกะกะเต็มปากไปหมด แน่นอนเศษอาหารติดง่าย ทำความสะอาดยากขึ้น คราบอาหารตกค้างที่ตัวฟันและขอบเหงือกมีมากขึ้น ดังนั้นคุณต้องขยันทำความสะอาดและพิถีพิถันมากกว่าปกติหลายเท่า ถึงขนาดที่ว่าควรนำแปรงสีฟัน ไหมขัดฟัน น้ำยาบ้วนปากติดตัวไปด้วยตลอดเวลา

  • แปรงฟันทุกครั้งหลังทานอาหาร และก่อนนอน ปกติคนเราแปรงฟันเช้า-เย็น แต่คนจัดฟันควรแปรงหลังอาหารทุกครั้ง
  • การใช้ไหมขัดก็ต้องทำหลังอาหารทุกครั้งด้วยเช่นกัน
  • ใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุ
  • ใช้น้ำยาบ้วนปากมีฟลูออไรด์อย่างน้อยวันละครั้งเพื่อลดอัตราการเกิดฟันผุ
  • ที่สำคัญต้องพบทันตแพทย์เพื่อขูดหินปูนทุก 6 เดือน

วิธีทำความสะอาดฟันและเครื่องมือจัดฟัน

  • วางแปรง 45◦ จากขอบเหงือกกดเบาๆ ใช้การขยับแปรงเป็นรูปวงกลม แปรงแต่ละซี่ 10 วินาที ฟันบนฟัดลง ฟันล่างปัดขึ้น
  • แปรงด้านในของฟันด้วย
  • อย่าลืมแปรงด้านบดเคี้ยว และแปรงลึกให้ถึงหลังฟันด้วย
  • ตรงบริเวณเครื่องมือจัดฟัน(ปุ่มติดลวด) ให้ใช้แปรงปัดส่วนขอบบนและขอบล่าง เบาๆ อย่าให้หลุดหรือลวดดีดออก

อุปกรณ์เสริมในการทำความสะอาดฟัน

  • แปรงจัดฟัน ปลายขนแปรงจะมีรูปเป็นตัวv ทำความสะอาดคราบอาหารที่ติดตามปุ่มติดลวดได้ง่ายขึ้น
  • แปรงสีฟันไฟฟ้า ทำความสะอาดฟันได้ดี และทุ่นแรงแต่ต้องระมัดระวัง
  • แปรงซองฟัน จะมีขนแปรงหัวเล็กๆ ใช้สำหรับแปรงแปรงใต้ลวดบริเวณปุ่มติดลวด
  • แปรงน้ำ เป็นเครื่องอัดความดันน้ำฉีดรอบๆ ฟันใต้ลวด

การจัดฟันใช้เวลาเป็นปี ต้องใช้ความอดทนในการดูแลรักษาความสะอาดอย่างจริงจังและเอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอ หลังจากครบกำหนดแล้วนอกจากจะได้ฟันเรียงสวย แล้วสุขภาพฟันก็จะดีเช่นเดียวกันหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็งๆ เหนียว กรอบๆ เช่นเคี้ยวก้อนน้ำแข็ง ปลาหมึก ถั่ว หมากฝรั่ง เพราะอาจจะทำให้เครื่องมือหลุดได้ ถ้าเครื่องมือหลุดบ่อยๆ ก็ต้องกลับไปให้หมอฟันติดให้ใหม่ เสียเวลาและค่าใช้จ่าย

ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

ข้อมูลโดย : นิตยสาร Health Today

  อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ invariety-helath.blogspot.com แหล่งรวมบทความของคนรักสุขภาพ

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552

สกัดกั้นโรคฟันด้วยการขูดหินปูน

เวลาเราคิดถึงหมอฟันส่วนใหญ่จะกลัวการทำฟัน จะไปพบก็ต่อเมื่อมีอาการจริงๆ เช่น ปวดฟันมากๆ คือถ้าไม่มีอาการชี้ชัดก็จะเข้าใจว่าฟันดีไม่เป็นอะไร ที่จริงแล้วการดูแลสุขภาพฟันให้ได้ดีนั้น ต้องใช้หลักในการป้องกันดีกว่าแก้ไข
ทพ.พจนารถ พุ่มประกอบศรี
เพราะจะช่วยให้ท่านมีสุขภาพฟันดี แล้วยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้อย่างมากค่าทำฟันปัจจุบันนี้ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบค่ารักษาอย่างอื่น และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นเรื่อยๆ

มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ทันตแพทย์ทั่วไปมักแนะนำอยู่เสมอ คือการตรวจเช็คฟันทุก 6 เดือน อันนี้ต้องย้ำกันบ่อยๆ ครับ. ..ตรวจทำไมถ้าไม่มีอาการบางท่านอาจสงสัย จริงๆ แล้วโรคบางโรคเริ่มต้นจากการไม่มีอาการให้เห็นเด่นชัด เช่น โรคเหงือกอักเสบ แต่จะมีอาการขัดจนเรารู้สึกผิดปกติก็การขยายตัวของโรคเป็นไปมากแล้ว และการรักษาก็สลับซับซ้อนมากขึ้น การตรวจฟันทุก 6 เดือนช่วยให้เราพบว่ามีฟันผุหรือไม่ ถ้าพบฟันผุก็จะเห็นตั้งแต่รูเล็กๆ แผลไม่โตอุดง่าย ค่าใช้จ่ายน้อย
สกัดกั้นโรคฟันด้วยการขูดหินปูน
หรือการตรวจฟันทุก 6 เดือนก็พอดีช่วงเวลาของการทำความสะอาดฟัน ขูดฟินปูน ทุก 6 เดือน ช่วยลดการจับของคราบหินปูนกับตัวฟัน หากเราปล่อยให้หินปูนเกาะฟันแน่นขึ้นเรื่อยๆ หินปูนจะลงไปเกาะที่รากฟัน ลึกลงไปเรื่อยๆ แบคทีเรียก็ตามไปทำลายกระดูกรอบๆ รากฟัน ฟันโยก เสียวฟัน เกิดช่องว่างระหว่างฟันและเหงือก เป็นคล้ายๆ กระเป๋ากักเก็บเศษอาหารแปรงยากมาก ถ้ามาถึงระดับนี้แล้ว การรักษาก็ยากขึ้นด้วย ตอนนี้ขูดหินปูนธรรมดาก็เอาไม่อยู่แล้ว อาจต้องมีการทำผ่าตัดร่วมด้วย แต่อีกนั่นแหละอาการเหล่านี้มันค่อยเป็นค่อยไปจนเราไม่รู้สึกอะไรเลย

ดังนั้นการขูดหินปูนทุกๆ 6 เดือนจะช่วยลดประมาณการจับของหินปูน ช่วยลดการลุกลามของโรคเหงือก ช่วยลดคราบอาหาร คราบกาแฟสีดำๆ ที่ติดตามตัวฟันทำให้ฟันสะอาดขึ้นโดยปริยาย แต่เรื่องสีของฟันก็ยังคงเป็นสีฟันเดิม โดยข้อเท็จจริงสีของฟันคนเราจะมีหลายสีหลายโทน เช่น ขาวเหลือง ขาวเทา ขาวน้ำตาล ขาวชมพู การขูดหินปูนทำให้ฟันสะอาดขึ้นแต่ไม่ได้ไปเปลี่ยนสีฟันธรรมชาติ อย่าเข้าใจผิดว่าขูดหินปูนแล้วฟันจะเปลี่ยนเป็นสีขาวขึ้นโดยอัตโนมัติ ถ้าเราต้องการเปลี่ยนสีฟันให้ขาวขึ้น จะต้องใช้วิธีการฟอกสีฟัน ซึ่งทันตแพทย์จะมีน้ำยาพิเศษฟอกสีฟันให้ขาวขึ้น

ลองนึกดูสิครับว่าครั้งสุดท้ายคุณไปพบทันตแพทย์เมื่อไร 6 เดือนที่แล้ว หรือนานมากจนจำไม่ได้ สุขภาพฟันสำคัญไม่ด้อยกว่าส่วนอื่นๆ ของร่างกายนะครับ อย่าละเลย
ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2552

บุหรี่กับสุขภาพช่องปาก

ผลของการสูบบุหรี่อันตรายมีผลต่อสุขภาพมากมาย ควันบุหรี่ไม่ว่าผ่านไปที่ไหนที่นั้นมีผลกระทบหมด ด่านแรกคือ ในช่องปาก จะมีฟัน เหงือก ผนังแก้ม และเยื่อบุต่างๆ คนที่สูบบุหรี่จัดหรือสูบเป็นประจำอวัยวะเหล่านี้ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดี
Article : พ.ต.ต.ทพ.พจนารถ พุ่มประกอบศรี
แม้ว่า...จะมีการรณรงค์ในการงดสูบบุหรี่หลายๆ รูปแบบ เช่น กำหนดพื้นที่ห้ามสูบบุหรี่ มีคำเตือนถึงอันตรายของการสูบบุหรี่พร้อมรูปของผลเสียและโรคที่เกิดจากสูบบุหรี่อยู่ข้างซองอย่างชัดเจน แต่บุหรี่ก็ยังขายดี และดูเหมือนว่าผู้สูบจะมีอายุน้อยลงเรื่อยๆ ก็เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

เพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งในช่องปากและโรคเหงือก
บุหรี่กับสุขภาพช่องปาก
  • บุหรี่จะทำให้เหงือกเปลี่ยนเป็นสีคล้ำดำขึ้น บุหรี่ทำให้เนื้อเยื่อเหงือกไม่แข็งแรงโดยเฉพาะความสามารถการยึดเกาะคอฟันและกระดูกจะลดลง นำมาซึ่งอาการเหงือกร่น รากฟันจะถูกเปิดออกมา คนที่สูบบุหรี่จึงมักจะมีอาการเสียวฟันมากเมื่อฟันสัมผัสกับอาหารร้อนๆ หรือน้ำเย็นๆ จนหมดความสุขในการกินเลยทีเดียว
  • การที่รากฟันโผล่ ไม่ใช่แต่จะทำให้เสียวฟันเท่านั้น แต่มันยังทำให้รากฟันผุได้ง่ายขึ้นด้วย ซึ่งยากต่อการซ่อมแซมแก้ไข เหมือนฟันผุที่ตัวฟันโดยทั่วไป
  • การสูบบุหรี่จะบั่นทอนและทำให้แผลหายช้าลง หากมีการถอนฟันหรือผ่าตัดในช่องปาก โดยเฉพาะผู้ที่จะทำการผ่าตัดใส่รากฟันเทียม คนที่สูบบุหรี่จะมีความเสี่ยงที่รากฟันเทียมจะหลุดได้ง่ายกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ อีกอย่างที่คนสูบบุหรี่มักไม่ค่อยทราบคือ การสูบบุหรี่ทำให้มีกลิ่นปาก และก่อให้เกิดการเกาะของหินปูนง่ายขึ้น มีคราบสีดำติดที่ฟันและลิ้น
คนที่สูบบุหรี่มีอัตราเสี่ยงสูงต่อการเป็นมะเร็งในช่องปาก มีอาการหลายอย่างเมื่อเกิดขึ้นแล้วควรให้ความสำคัญอย่านิ่งนอนใจ และต้องรีบพบแพทย์
  • เป็นแผลในช่องปากนานๆ ปวดแสบปวดร้อนไม่หายสักที
  • บริเวณในช่องปากมีอาการปวด ตึงๆ มีอาการชาเป็นเวลานานๆ
  • มีแผลที่มีลักษณะเหี่ยวๆ ย่นๆ จากเนื้อเหงือก หรือเนื้อแก้มข้างๆ เช่น มีสีเทาแดงสด หรือมีขาวๆ เป็นปื้นๆ
  • อาการกลืนลำบาก เคี้ยวอาหารติดขัด พูดขยับขากรรไกร และลิ้นได้ยากขึ้น
  • ฟันเคลื่อนเปลี่ยนตำแหน่ง หรือบางทีมีความรู้สึกคล้ายฟันถูกเบียด
อาการเหล่านี้เหมือนเป็นสัญญาณเตือนให้ต้องรีบตรวจรักษาทันที อย่ารอช้าเพราะมะเร็งในช่องปากในระยะเริ่มต้นยังมีความหวังในการรักษาให้หายได้

อย่างไรก็ตามเราทราบถึงพิษร้ายของบุหรี่แล้ว ไปที่ทางเลือกอื่นเลย คืออย่าเข้าไปเกี่ยวข้องหรือเลิกได้เป็นดีที่สุด ดูแลอนามัยในช่องปากให้สะอาดปลอดมลพิษ อมน้ำยาบ้วนปากหลังแปรงฟันทุกครั้ง และตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำครับ
ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

วีธีรักษาอาการปากแห้ง

สาเหตุให้ปากแห้งที่พบบ่อยคือ การใช้ยาบางอย่าง เช่น ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก คัดจมูก ยาแก้ปวด ยาขับปัสสาวะ ยาลดความดันดลหิต ยาลดอาการซึมเศร้า โดยข้อเท็จจริงแล้วมียามากกว่า 400 รายการที่มีผลข้างเคียงทำให้ปากแห้ง

Article : พ.ต.ท.ทพ.พจนารถ พุ่มประกอบศรี

ในช่องปากเรามีน้ำลายหล่อเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา ต่อมน้ำลายทำหน้าที่ผลิตน้ำลายออกมาเพื่อย่อยอาหาร คลุกเคล้าและหล่อลื่นให้อาหารกลืนได้ง่าย นอกจากนี้น้ำลายยังทำให้เยื่อบุในช่องปากชุ่มชื่นตลอดเวลา หากมีสภาพผิดปกติทำให้น้ำลายไหลน้อยลง เราจะรู้สึกอาการปากแห้ง มีภาวะผิดปกติไปจากที่เป็นทำให้รู้สึกหงุดหงิด และมีผลข้างเคียงหลายๆ อย่าง

วีธีรักษาอาการปากแห้ง

การปล่อยทิ้งให้มีอาการปากแห้งนานๆ อาจจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดเชื้อราในช่องปากได้ง่ายขึ้น

  • ฟันผุและโรคเหงือกอักเสบในช่องปาก
  • รู้สึกแสบๆ ร้อนๆ ในช่องปาก
  • มีกลิ่นปาก หรือทำให้กลืนลำบาก ฝืดคอ
  • หากมีฟันปลอมแบบถอดได้ การที่ปากแห้งมีผลให้การใส่ฟันปลอมหลวมและใส่ไม่ค่อยสบาย

อะไรเป็นสาเหตุให้ปากแห้ง

  • ที่พบบ่อยคือ การใช้ยาบางอย่าง เช่น ยาแก้แพ้ antihistamine ยาลดน้ำมูก คัดจมูก(De Congestant) ยาแก้ปวด ยาขับปัสสาวะ ยาลดความดันดลหิต ยาลดอาการซึมเศร้า โดยข้อเท็จจริงแล้วมียามากกว่า 400 รายการที่มีผลข้างเคียงทำให้ปากแห้ง การใช้ยาจึงควรศึกษาใบกำกับยา หรือได้รับคำแนะนำจากแพทย์
  • ปากแห้งอาจเกิดจากการฉายแสงในการรักษามะเร็งที่ศีรษะ ในช่องปาก ใบหน้า ลำคอ ต่อมน้ำลาย เพราะผลจากรังสีทำให้การไหลของน้ำลายลดน้อยลงอย่างเด่นชัด
  • คนที่เป็นโรคเบาหวาน
  • การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนระหว่างตั้งครรภ์ หรือวัยหมดประจำเดือน

สาเหตุเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้การไหลเวียนของน้ำลายน้อยลง

จะช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้อย่างไร

  • เคี้ยวหมากฝรั่งไร้น้ำตาล
  • จิบน้ำบ่อยๆ
  • ใช้น้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีแอลกอฮอล์
  • งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน แอลกอฮอล์ และน้ำอัดลมทั้งหลาย

คนที่มีอาการปากแห้งบ่อยๆ ควรพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจสุขภาพในช่องปาก ฟัน เหงือก และควรมีข้อมูลการใช้ยา และโรคประจำตัวที่เป็น เพราะจะช่วยให้การวิเคราะห์หาสาเหตุแก้ไขปัญหาได้ง่ายขึ้น

การดูแลรักษาสุขภาพในช่องปากสำหรับคนที่ปากแห้งน้ำลายไหลน้อยคงต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากธรรมดา เพราะการไหลของน้ำลายช่วยให้อาหารถูกคลุกเคล้าและกลืนได้ง่าย น้ำลายจะช่วยผลักอาหารให้ไหลลื่น มากกว่าที่จะเกาะติดกับตัวฟันและเหงือก ในรายที่ปากแห้งมากๆ การเกาะติดของอาหารที่ฟันและเหงือกก็เพิ่มมากขึ้น และการกลืนจะทำได้ลำบากมากขึ้น การเกิดฟันผุและโรคเหงือกอักเสบก็ทวีขึ้นเช่นกัน

เราจะดูและฟันและเหงือกอย่างไร

  • แปรงฟันอย่างสม่ำเสมอหลังอาหารทุกครั้ง
  • อย่าลืมใช้ Dental floss ทุกครั้งที่แปรงฟัน ขจัดคราบอาหารที่ติดตามซอกฟัน
  • ใช้แปรงซอกฟัน
  • ทันตแพทย์อาจเคลือบฟลูออไรด์เพิ่ม
  • อมน้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์แต่ไม่มีแอลกอฮอล์

อย่าลืมว่า การที่มีริมฝีปากแห้งนอกจากจะสร้างความหงุดหงิดแล้วยังมีผลต่อสุขภาพฟันและเหงือกอย่างมาก หากเรารู้สภาพ เพิ่มความเข้มงวดในการทำความสะอาดฟันมากขึ้น ก็ย่อมส่งผลให้สุขภาพฟันดีและอยู่ให้ยาวนานได้ไม่ยุ่งยากเลยถ้าเราเพิ่มน้ำเข้าสู่ร่างกาย ก็อาจช่วยลดอาการปากแห้งได้ ทันตแพทย์หรือแพทย์อาจใช้น้ำลายเทียม เพื่อให้เยื่อบุในช่องปากชุ่มชื่นอยู่เสมอ หรือ อาจใช้...

ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

ข้อมูลโดย : นิตยสาร Health Today

วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2552

กัดฟัน…..ศัตรูตัวร้ายของการนอน

เสียงจากการนอนกัดฟันเป็นศัตรูตัวร้ายของการนอน คนกัดฟันมักไม่รู้ตัวเองแต่คนที่รู้คือคนข้างๆ ไม่ข้างตัวก็ข้างห้อง ที่ต้องทรมานกับการนอนไม่หลับเพราะเสียงกัดฟันของคนอื่น
ทพญ. ภาณุเพ็ญ สิทธิสมวงศ์

"ควบคุมตัวเองไม่ได้ก็มันหลับไปแล้วนี่ครับ" จริงอย่างเขาว่า บางคนรู้ตัวว่านอนกัดฟันจึงพยายามหาทางแก้ไข ไปซื้อฟันยางสำหรับนักมวยมาใส่ก็แล้ว แต่ไม่สามารถหยุดยั้งการกัดฟันได้ ดีอยู่หน่อยที่เสียงเบาลง พอใช้ไปได้ไม่นานฟันยางทะลุ ก็เลยเลิกใช้ไป
กัดฟัน…..ศัตรูตัวร้ายของการนอน

บางคนนอนกัดฟันจนฟันแตกร้าวถึงประสาทและรากฟัน สุดท้ายต้องถอนฟันทิ้งในที่สุด ผลของการนอนกัดฟันไม่เพียงรบกวนผู้อื่น หรือทำให้ฟันแตกร้าวเท่านั้น แต่เจ้าตัวที่นอนกัดฟันยังต้องทรมานกับอาการข้างเคียงอื่นๆ ด้วย เช่น เสียวฟัน ฟันสึกร้าว แตกบิ่น วัสดุที่อุดไว้หลุดบ่อยๆ หรือแตก ทั้งหมดเป็นสาเหตุของฟันผุหากไม่รักษาความสะอาดของฟันให้ดีพอ บางรายที่รุนแรงและเป็นมานานอาจเห็นกล้ามเนื้อข้างแก้มโตขึ้น บางรายมีอาการปวดเมื่อยบริเวณข้างแก้ม ขมับ หน้าหู หรือปวดศีรษะเลยก็มี

แล้วการนอนกัดฟันเกิดขึ้นได้อย่างไร และมีวิธีการรักษาอย่างไรได้บ้าง

การศึกษาสาเหตุของการนอนกัดฟันจะมีมานานแต่ก็ไม่มีข้อสรุป นักวิจัยหลายกลุ่มตั้งข้อสังเกตว่า การนอนกัดฟันมีความสัมพันธ์กับการซ้อนเก สูงต่ำของฟัน อาจเป็นไปได้ว่าขณะนอนหลับการทำงานนอกอำนาจจิตสั่งให้ร่างกายพยายามบดถูให้ฟันซี่ที่สูงกว่าเตี้ยลงเสมอกับฟันซี่อื่นๆ แต่บางกลุ่มเชื่อว่าความเครียดมีอิทธิพลโดยตรงกับการนอนกัดฟัน วันไหนที่มีเรื่องวิตกกังวลมีความเครียดสะสม ร่างกายพยายามระบายความเครียดด้วยการนอนกัดฟัน บางกลุ่มตั้งข้อสังเกตว่าการนอนกัดฟันมักจะเกิดในช่วงที่นอนหลับไม่สนิท หรือนอนหลับลึกไม่พอ ฝันบ่อยๆ ไม่มีใครทราบว่า ทฤษฎีใดถูกต้องและน่าเชื่อถือที่สุด การรักษาจึงยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ นักวิจัยบางกลุ่มเสนอให้ใช้ยาคลายกล้ามเนื้อ กระทั่งยาแก้อาการซึมเศร้า เพื่อให้คนไข้ผ่อนคลาย นอนหลับได้สนิท แต่การใช้ยาทุกประเภทย่อมมีข้อจำกัดและผลข้างเคียง

ในช่วงหนึ่งที่ทฤษฎีเกี่ยวกับการเรียงตัวผิดปกติของฟันทำให้เกิดการนอนกัดฟันเป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลาย หมอฟันแก้ไขการสบฟันโดยกรอปรับฟันที่เป็นจุดค้ำ หรือสบสะดุดเพื่อให้ฟันสบได้ดีขึ้น และด้วยความหวังว่าจะหยุดการนอนกัดฟันได้ แต่ผลกลับไม่เป็นเช่นนั้น ในคนไข้หลายรายยังคงนอนกัดฟันอยู่ การกรอฟันจึงไม่ใช่การแก้ไขอาการที่พึงปรารถนานักในปัจจุบัน เพราะนอกจากต้องสูญเสียเนื้อฟันแล้วยังไม่สามารถกำจัดอาการนอนกัดฟันได้

เคยมีจิตแพทย์ท่านหนึ่งถามทันตแพทย์ว่า ไม่มีวิธีจัดการกับการนอนกัดฟันจริงหรือ โดยเฉพาะในคนไข้ที่ไม่มีความเครียดใดๆ ทำไมยังนอนกัดฟันอยู่ กรณีนี้ทันตแพทย์เชื่อว่าการนอนกัดน่าจะเกิดจากหลายสาเหตุร่วมกัน เช่น ฟันไม่สบกันพอดี การนอนหลับไม่สนิท กระทั่งจิตใต้สำนึก และสาเหตุที่ยากแก่การสันนิษฐาน การแก้ไขเพียงสาเหตุเดียวจึงไม่ทำให้หายจากอาการได้

ทางออกที่ดีที่สุดที่พอจะทำได้ คือ การป้องกัน แต่ไม่ได้ป้องกันนอนกัดฟัน แต่เป็นเพียงการป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับฟันและระบบบดเคี้ยว หรือผลพวงของการกัดฟันต่างหาก โดยทำเฝือกสบฟันที่เป็นพลาสติกใส่ขณะนอนหลับ การวิจัยรายงานว่าสามารถหยุดการนอนกัดฟันได้ถึงร้อยละ 20 แต่อย่างน้อยก็ทำให้เสียงกัดฟันเบาลง ฟันไม่แตกหัก ประคองสภาพฟันให้ถูกทำลายช้าลง ไม่เมื่อยหน้า หรือปวดศีรษะหลังตื่นนอน เพียงเท่านี้ก็นับว่าประสบผลแล้ว แต่หลายคนก็ทนใส่เฝือกไม่ได้อีกเช่นกัน เพราะจะรู้สึกเหมือนอมอะไรนอน และมีน้ำลายไหลมาก ซึ่งก็ต้องชั่งน้ำหนักดูว่าอย่างไหนคุ้มกว่ากัน แรกๆ อาจไม่ชินแต่ถ้าทำความคุ้นเคยกับเฝือกสบฟันทุกวันก็น่าจะดีขึ้นได้
ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552

การดูแลช่องปากระหว่างจัดฟัน

ในคนที่ได้รับการจัดฟันเพื่อให้ฟันเป็นระเบียบและเข้าที่เรียบร้อยดูดีขึ้น แต่ปัญหาที่พบบ่อยๆ หลังจากติดวัสดุไว้ที่ฟันก็คือการดูแลทำความสะอาดเป็นพิเศษ คือ เครื่องมือจัดฟันหลุด และถ้าการรักษาความสะอาดในช่องปากไม่ดีพอ ก็จะเป็นสาเหตุทำให้ฟันผุและโรคเหงือกอักเสบตามมาได้
ทพ.พจนารถ พุ่มประกอบศรี
ในคนที่ได้รับการจัดฟันเพื่อให้ฟันเป็นระเบียบและเข้าที่เรียบร้อยดูดีขึ้น แต่ปัญหาที่พบบ่อยๆ หลังจากติดวัสดุไว้ที่ฟันก็คือการดูแลทำความสะอาดเป็นพิเศษ คือ เครื่องมือจัดฟันหลุด (อุปกรณ์ที่ติดไว้กับฟันในการจัดฟัน) และถ้าการรักษาความสะอาดในช่องปากไม่ดีพอ ก็จะเป็นสาเหตุทำให้ฟันผุและโรคเหงือกอักเสบตามมาได้

ทันตแพทย์จัดฟันจึงต้องย้ำเน้นในเรื่องการดูแลฟันในคนที่จัดฟันเป็นพิเศษ เพราะคง
ไม่ดีแน่ถ้าเมื่อถอดเครื่องมือจัดฟันแล้วฟันสวยเป็นระเบียบดี แต่มีรอยผุ สีขุ่นเหลืองเพราะดูแลไม่ดีพอ
การดูแลช่องปากระหว่างจัดฟัน

ปฏิบัติง่ายๆ ด้วย ข้อควร และ ไม่ควรทำ ดังนี้
  • การรับประทานผัก ผลไม้ ควรแบ่งเป็นชิ้นเล็กๆ พอคำ ควรใช้ฟันกรามหลังและควรเลือกรับประทานอาหารอ่อน
  • อย่าใช้ฟันกัด ปากกา ดินสอเล่น แทะเล็บ เพราะอาจทำให้เหล็กยึดฟันหลุดได้เช่นกัน
การทำความสะอาดฟันและเครื่องมือจัดฟัน

หลังติดเครื่องจัดไว้ที่ฟันแล้ว อาจรู้สึกเกะกะเต็มปากไปหมด แน่นอนเศษอาหารติดง่าย ทำความสะอาดยากขึ้น คราบอาหารตกค้างที่ตัวฟันและขอบเหงือกมีมากขึ้น ดังนั้นคุณต้องขยันทำความสะอาดและพิถีพิถันมากกว่าปกติหลายเท่า ถึงขนาดที่ว่าควรนำแปรงสีฟัน ไหมขัดฟัน น้ำยาบ้วนปากติดตัวไปด้วยตลอดเวลา
  • แปรงฟันทุกครั้งหลังทานอาหาร และก่อนนอน ปกติคนเราแปรงฟันเช้า-เย็น แต่คนจัดฟันควรแปรงหลังอาหารทุกครั้ง
  • การใช้ไหมขัดก็ต้องทำหลังอาหารทุกครั้งด้วยเช่นกัน
  • ใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุ
  • ใช้น้ำยาบ้วนปากมีฟลูออไรด์อย่างน้อยวันละครั้งเพื่อลดอัตราการเกิดฟันผุ
  • ที่สำคัญต้องพบทันตแพทย์เพื่อขูดหินปูนทุก 6 เดือน
วิธีทำความสะอาดฟันและเครื่องมือจัดฟัน
  • วางแปรง 45◦ จากขอบเหงือกกดเบาๆ ใช้การขยับแปรงเป็นรูปวงกลม แปรงแต่ละซี่ 10 วินาที ฟันบนฟัดลง ฟันล่างปัดขึ้น
  • แปรงด้านในของฟันด้วย
  • อย่าลืมแปรงด้านบดเคี้ยว และแปรงลึกให้ถึงหลังฟันด้วย
  • ตรงบริเวณเครื่องมือจัดฟัน(ปุ่มติดลวด) ให้ใช้แปรงปัดส่วนขอบบนและขอบล่าง เบาๆ อย่าให้หลุดหรือลวดดีดออก
อุปกรณ์เสริมในการทำความสะอาดฟัน
  • แปรงจัดฟัน ปลายขนแปรงจะมีรูปเป็นตัวv ทำความสะอาดคราบอาหารที่ติดตามปุ่มติดลวดได้ง่ายขึ้น
  • แปรงสีฟันไฟฟ้า ทำความสะอาดฟันได้ดี และทุ่นแรงแต่ต้องระมัดระวัง
  • แปรงซองฟัน จะมีขนแปรงหัวเล็กๆ ใช้สำหรับแปรงแปรงใต้ลวดบริเวณปุ่มติดลวด
  • แปรงน้ำ เป็นเครื่องอัดความดันน้ำฉีดรอบๆ ฟันใต้ลวด
การจัดฟันใช้เวลาเป็นปี ต้องใช้ความอดทนในการดูแลรักษาความสะอาดอย่างจริงจังและเอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอ หลังจากครบกำหนดแล้วนอกจากจะได้ฟันเรียงสวย แล้วสุขภาพฟันก็จะดีเช่นเดียวกันหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็งๆ เหนียว กรอบๆ เช่นเคี้ยวก้อนน้ำแข็ง ปลาหมึก ถั่ว หมากฝรั่ง เพราะอาจจะทำให้เครื่องมือหลุดได้ ถ้าเครื่องมือหลุดบ่อยๆ ก็ต้องกลับไปให้หมอฟันติดให้ใหม่ เสียเวลาและค่าใช้จ่าย
ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

เมื่อคุณรู้สึกเสียวฟัน

ถ้าหากคุณรับประทานไอศครีม หรือจิบกาแฟแล้วมีอาการเสียวแปลบที่ตัวฟัน นี่เป็นสัญญาณเตือนแล้วว่าฟันของคุณต้องมีอะไรผิดปกติแน่นอน

พ.ต.ท.ทพ.พจนารถ พุ่มประกอบศรี

ปกติแล้วโครงสร้างของฟันที่มีสุขภาพดีนั้น ตัวฟันจะมีเปลือกฟัน (ENAMEL) ซึ่งเป็นส่วนที่แข็งที่สุดของร่างกายหุ้มอยู่ และรากฟันเองก็มีส่วนที่เป็นเปลือกรากฟัน(CEMENTUM) หุ้มอยู่ ส่วนที่เป็นเนื้อฟัน (DENTINE) จะประกอบไปด้วยท่อเล็กๆ หลายๆ ท่อ หากท่อเหล่านี้ไม่มีอะไรมาหุ้มจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ก็สามารถทำให้ความร้อน ความเย็น กรดจากอาหาร สามารถส่งต่อผ่านท่อนี้ไปที่ประสาทฟัน ทำให้เราสะดุ้งทุกทีไป เวลารับประทานอาหารต่างๆ

เมื่อคุณรู้สึกเสียวฟัน

ถามว่าอาการเสียวฟัน อันตรายมากใหม? จริงๆ แล้วมันคือสัญญาณเตือนคุณว่าถ้าไม่รีบแก้ไขก็จะมีเรื่องต่อเนื่องที่ทำอันตรายกับฟันมากขึ้น อีกอย่างก็จะทำให้คุณหมดความสุขในการรับประทานอาหารทุกครั้งที่จะเอาอะไรใส่ปาก ก็ขยาดทุกทีอะไรบ้างที่ควร หรือไม่ควรในการป้องกันการอาการเสียวฟัน

DOs

  • การทำความสะอาดฟัน ควรเลือกแปรงที่ขนแปรงนิ่มไม่แข็งเกินไป เพราะทำให้คอฟันสึกง่าย
  • แปรงให้ถูกวิธี แปรงผิดวิธีทำให้เหงือกร่น คอฟันสึก รากฟันโผล่ ทำให้เสียวฟันมาก
  • พบทันตแพทย์ตรวจฟันทุก 6 เดือน หากมีฟันผุอุดเสีย มีโรคเหงือกอักเสบก็จัดการเลย อย่าปล่อยให้กระดูกถูกทำลายมีช่องว่างระหว่างเหงือกกับฟัน ซึ่งทั้งฟันผุและโรคเหงือกเป็นต้นเหตุให้เกิดการเสียวฟันมาก
  • หากมีฟันสึกจากการบดเคี้ยวก็ควรให้ทันตแพทย์ครอบฟันด้วย

Donts

  • อย่าใช้ฟันผิดประเภท จริงอยู่ธรรมชาติของฟันเป็นอวัยวะที่แข็ง แต่มีข้อจำกัดถ้าใช้อย่างไม่ทะนุถนอม หากฟันแตก หัก ฟันร้าว ก็ทำให้เกิดอาการเสียวฟันมาก
  • การแปรงฟันเน้นแปรงถูกวิธี แต่ไม่ใช่แปรงแรงๆ แล้วฟันจะสะอาดไม่ต้องแรงแต่แปรงถูกวิธี
  • หากนอนกัดฟัน มีฟันสึกมากต้องแก้ไข หรือใส่เครื่องมือป้องกัน
  • อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง หากมีสัญญาณอาการต่างๆ ที่ผิดปกติเกิดขึ้นกับฟันเตือนให้รีบพบทันตแพทย์ หรือพบทันตแพทย์ตรวจฟันทุก 6 เดือน

ต้องหมั่นดูแลสุขภาพฟันเป็นสำคัญ แปรงฟันอย่างถูกวิธี และอมน้ำยาบ้วนปากช่วยกำจัดแบคทีเรียในส่วนที่การแปรงฟันเข้าไม่ถึง ขอให้คุณทุกคนมีความสุขกับการรับประทานอาหารอร่อยๆ นะครับ อย่าทนทุกข์ทรมานกับอาการเสียวฟันอยู่เลย

ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

ข้อมูลโดย : นิตยสาร Health Today

  อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ invariety-helath.blogspot.com แหล่งรวมบทความของคนรักสุขภาพ

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552

วีธีรักษาอาการปากแห้ง

สาเหตุให้ปากแห้งที่พบบ่อยคือ การใช้ยาบางอย่าง เช่น ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก คัดจมูก ยาแก้ปวด ยาขับปัสสาวะ ยาลดความดันดลหิต ยาลดอาการซึมเศร้า โดยข้อเท็จจริงแล้วมียามากกว่า 400 รายการที่มีผลข้างเคียงทำให้ปากแห้ง
Article : พ.ต.ท.ทพ.พจนารถ พุ่มประกอบศรี
ในช่องปากเรามีน้ำลายหล่อเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา ต่อมน้ำลายทำหน้าที่ผลิตน้ำลายออกมาเพื่อย่อยอาหาร คลุกเคล้าและหล่อลื่นให้อาหารกลืนได้ง่าย นอกจากนี้น้ำลายยังทำให้เยื่อบุในช่องปากชุ่มชื่นตลอดเวลา หากมีสภาพผิดปกติทำให้น้ำลายไหลน้อยลง เราจะรู้สึกอาการปากแห้ง มีภาวะผิดปกติไปจากที่เป็นทำให้รู้สึกหงุดหงิด และมีผลข้างเคียงหลายๆ อย่าง
วีธีรักษาอาการปากแห้ง

การปล่อยทิ้งให้มีอาการปากแห้งนานๆ อาจจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดเชื้อราในช่องปากได้ง่ายขึ้น
  • ฟันผุและโรคเหงือกอักเสบในช่องปาก
  • รู้สึกแสบๆ ร้อนๆ ในช่องปาก
  • มีกลิ่นปาก หรือทำให้กลืนลำบาก ฝืดคอ
  • หากมีฟันปลอมแบบถอดได้ การที่ปากแห้งมีผลให้การใส่ฟันปลอมหลวมและใส่ไม่ค่อยสบาย

อะไรเป็นสาเหตุให้ปากแห้ง
  • ที่พบบ่อยคือ การใช้ยาบางอย่าง เช่น ยาแก้แพ้ antihistamine ยาลดน้ำมูก คัดจมูก(De Congestant) ยาแก้ปวด ยาขับปัสสาวะ ยาลดความดันดลหิต ยาลดอาการซึมเศร้า โดยข้อเท็จจริงแล้วมียามากกว่า 400 รายการที่มีผลข้างเคียงทำให้ปากแห้ง การใช้ยาจึงควรศึกษาใบกำกับยา หรือได้รับคำแนะนำจากแพทย์
  • ปากแห้งอาจเกิดจากการฉายแสงในการรักษามะเร็งที่ศีรษะ ในช่องปาก ใบหน้า ลำคอ ต่อมน้ำลาย เพราะผลจากรังสีทำให้การไหลของน้ำลายลดน้อยลงอย่างเด่นชัด
  • คนที่เป็นโรคเบาหวาน
  • การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนระหว่างตั้งครรภ์ หรือวัยหมดประจำเดือน
สาเหตุเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้การไหลเวียนของน้ำลายน้อยลง

จะช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้อย่างไร
  • เคี้ยวหมากฝรั่งไร้น้ำตาล
  • จิบน้ำบ่อยๆ
  • ใช้น้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีแอลกอฮอล์
  • งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน แอลกอฮอล์ และน้ำอัดลมทั้งหลาย
คนที่มีอาการปากแห้งบ่อยๆ ควรพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจสุขภาพในช่องปาก ฟัน เหงือก และควรมีข้อมูลการใช้ยา และโรคประจำตัวที่เป็น เพราะจะช่วยให้การวิเคราะห์หาสาเหตุแก้ไขปัญหาได้ง่ายขึ้น

การดูแลรักษาสุขภาพในช่องปากสำหรับคนที่ปากแห้งน้ำลายไหลน้อยคงต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากธรรมดา เพราะการไหลของน้ำลายช่วยให้อาหารถูกคลุกเคล้าและกลืนได้ง่าย น้ำลายจะช่วยผลักอาหารให้ไหลลื่น มากกว่าที่จะเกาะติดกับตัวฟันและเหงือก ในรายที่ปากแห้งมากๆ การเกาะติดของอาหารที่ฟันและเหงือกก็เพิ่มมากขึ้น และการกลืนจะทำได้ลำบากมากขึ้น การเกิดฟันผุและโรคเหงือกอักเสบก็ทวีขึ้นเช่นกัน

เราจะดูและฟันและเหงือกอย่างไร
  • แปรงฟันอย่างสม่ำเสมอหลังอาหารทุกครั้ง
  • อย่าลืมใช้ Dental floss ทุกครั้งที่แปรงฟัน ขจัดคราบอาหารที่ติดตามซอกฟัน
  • ใช้แปรงซอกฟัน
  • ทันตแพทย์อาจเคลือบฟลูออไรด์เพิ่ม
  • อมน้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์แต่ไม่มีแอลกอฮอล์
อย่าลืมว่า การที่มีริมฝีปากแห้งนอกจากจะสร้างความหงุดหงิดแล้วยังมีผลต่อสุขภาพฟันและเหงือกอย่างมาก หากเรารู้สภาพ เพิ่มความเข้มงวดในการทำความสะอาดฟันมากขึ้น ก็ย่อมส่งผลให้สุขภาพฟันดีและอยู่ให้ยาวนานได้ไม่ยุ่งยากเลยถ้าเราเพิ่มน้ำเข้าสู่ร่างกาย ก็อาจช่วยลดอาการปากแห้งได้ ทันตแพทย์หรือแพทย์อาจใช้น้ำลายเทียม เพื่อให้เยื่อบุในช่องปากชุ่มชื่นอยู่เสมอ หรือ อาจใช้...
ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552

ฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุได้จริงหรือ?

การใช้ฟลูออไรด์ในปริมาณที่เหมาะสม จะมีประสิทธิภาพสูงสุดในการเสริมฟันให้แข็งแรง
เรื่อง: ทพ.พจนารถ พุ่มประกอบศรี
โรคฟันเป็นโรคที่เกิดขึ้นกับทุกคน หากจะรักษาโรคฟันผุโดยวิธีการแก้ไข คืออุดฟันให้ฟันดีทุกๆ ซี่ ในทุกๆ คน โดยปราศจากการคิดหาวิธีป้องกันควบคู่ไปด้วย คงไม่สามารถไล่ทันหรือพิชิตฟันผุให้ลดลงได้ อีกทั้งยังต้องใช้งบประมาณอย่างมากมากมหาศาลชนิดที่ถมเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักเต็ม
เราจะต้องผลิตทันตแพทย์เท่าไหร่ จึงจะพอกับประชากร 60 ล้านคน
เราจะต้องสูญเสียงบประมาณเท่าไหร่ในการซื้ออุปกรณ์วัสดุทางทันตกรรม
ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องยากยิ่งที่เน้นไปที่การแก้ไขให้ตรงจุด
มีหลายประเทศที่เน้นการป้องกัน เพื่อสู้กับโรคฟันผุโดยใช้สารฟลูออไรด์(fluoride) ไม่ว่าจะเติมลงในน้ำประปา น้ำดื่ม หรือใช้ในรูปของยาเม็ดและน้ำยาบ้วนปาก ฯลฯ
ฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุได้จริงหรือ?
การใช้ฟลูออไรด์ในการป้องกันฟันผุทั่วโลกใช้มานานกว่า 50 ปี แล้ว โดยนักวิจัยทางทันตแพทย์ศาสตร์ ได้ศึกษาทดลอง และติดตามผลของฟลูออไรด์จากธรรมชาติ การใช้ฟลูออไรด์ในรูปแบบต่างๆ ในห้องทดลอง และคลีนิกพบว่า
ฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุได้อย่างไร?
การใช้ฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุ เราใช้ได้ 2 รูปแบบ คือ
  • แบบรับประทาน
    พวกที่ผลิตมาสำหรับรับประทานนั้น มาในรูปของยาเม็ด ยาน้ำ ผสมกับน้ำดื่ม ได้จากน้ำธรรมชาติ และในอาหารทะเล ผักต่างๆ

  • แบบสัมผัสโดยตรง
    พวกที่ใช้สัมผัสหรือใช้ทาเฉพาะที่ผิวฟันก็มีในรูปของวุ้นข้นๆ หรือเจล และที่เรามักเห็นคุ้นตาก็คือ ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก
การใช้ฟลูออไรด์สำหรับป้องกันฟันผุให้มีประสิทธิภาพดีที่สุดนั้นต้องใช้ทั้งกินและทาที่ผิวฟันโดยตรง และอยู่ในระยะเวลาที่เหมาะสม คือในแต่ละอายุให้ปริมาณไม่เท่ากัน และวิธีใช้ที่แตกต่างกัน ผู้ปกครองควรที่จะรับรู้วิธีการใช้ฟลูออไรด์อย่างถูกต้องและเหมาะสมจากทันตแพทย์
ฟลูออไรด์ในรูปแบบต่างๆ
  • ฟลูออไรด์ในน้ำประปา ความคิดที่จะใช้ระบบป้องกันฟันผุในชุมชนใหญ่ๆ ให้ได้ผลมีประสิทธิภาพ และเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดนั้นได้มีการศึกษาและทดลองกันอย่างแพร่หลาย และมาสรุปตรงว่าถ้าเราใช้ฟลูออไรด์เติมในน้ำประปาให้มีปริมาณ 1 ส่วน ในล้านส่วนแล้วจะช่วยลดฟันผุได้ถึง 50-60 % ข้อเท็จจริงเหล่านี้จะเห็นได้จากความสำเร็จในหลายๆประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ นิวซีแลนด์ และสิงคโปร์


    สำหรับประเทศไทยเราได้ศึกษาการใช้ฟลูออไรด์ในน้ำประปามาเป็นระยะเวลาพอสมควร และน่าจะได้รับการพิจารณาเป็นโครงการระดับชาติ ที่จะช่วยลดอัตราฟันผุ เช่นเดียวกับหลายประเทศที่ประสบความสำเร็จในเรื่องนี้อย่างยิ่ง

  • ฟลูออไรด์ชนิดเม็ดและน้ำ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะให้เด็กรับประทานฟลูออไรด์ สำหรับชนิดน้ำใช้หยดให้เด็กทารกรับประทานตั้งแต่เกิดจนกระทั่งฟันขึ้น พอรู้จักเคี้ยวอาหารจึงเปลี่ยนมาเป็นชนิดเม็ดในเด็กอายุ 2-3 ขวบขึ้นไป หากรับประทานตั้งแต่เกิดจนอายุ 14 ปี จะทำให้ฟลูออไรด์มีประสิทธิภาพสูงสุดไปเสริมให้ฟันเข็งแรงสมบูรณ์

  • น้ำยาบ้วนปากฟลูออไรด์ ช่วยลดฟันผุได้ 20-25 %

  • ยาสีฟันฟลูออไรด์ ช่วยลดฟันผุได้ 20 %

  • ฟลูออไรด์เจล ที่ใช้ในคลีนิกทันตกรรม เป็นฟลูออไรด์ที่มีความเข้มข้นสูง ใช้ในการเคลือบหรือทาที่ฟันโดยตรงโดยทันตแพทย์ ทำทุกๆ 6 เดือน จะช่วยลดฟันผุได้ 20-30 %

สำหรับผู้สูงอายุฟลูออไรด์ก็มีบทบาทในการป้องกันรากฟันผุในกรณีที่มีเหงือกร่น คนที่ได้รับฟลูออไรด์ปริมาณที่เหมาะสมจะมีการผุของรากฟันต่ำกว่าคนที่ไม่ได้ใช้ฟลูออไรด์ และในกรณีที่เป็นผู้ที่ต้องได้รับการฉายแสงจากการรักษามะเร็งในช่องปาก การใช้ ฟลูออไรด์ เข้มข้นเคลือบฟันให้เนื้อฟันแข็งแรงขึ้น และก็ช่วยลดอัตราการผุของฟันได้อย่างดี
ในกรณีที่มีการเสียวฟันจากคอฟันสึก การใช้ฟลูออไรด์เข้มข้นก็จะช่วยลดอาการเสียวฟันได้เช่นกัน
เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่นักวิจัยทางทันตแพทย์ค้นคว้าจนสามารถนำฟลูออไรด์มาช่วยป้องกันฟันผุจนให้ผลที่น่าพอใจ แต่ก็ยังมีองค์ประกอบอื่นๆ ที่ช่วยเสริมให้สุขภาพช่องปากสมบูรณ์ขึ้น คือ การสร้างอุปนิสัยในการดูแลฟัน และเหงือกโดยการแปรงฟันอย่างถูกวิธี การใช้เส้นใยไนล่อนขัดฟัน การเลือกรับประทานอาหารอย่างถูกต้อง ตลอดจนพบทันตแพทย์ตรวรจฟันทุกครึ่งปี ถ้าทำได้เช่นนี้ก็เชื่อว่าคุณคงจะมีสุขภาพช่องปากที่สมบูรณ์แข็งแรงตลอดไป
ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

ปล่อยฟันคุดทิ้งไว้ จะเกิดอะไรขึ้น ?

วิธีการเอาฟันคุดออกจะต่างจากการถอนฟัน เพราะฟันคุดส่วนใหญ่จะล้มเอียงตัดกับฟันข้างเคียง การดึงฟัน ถอนฟันแบบธรรมดาไม่สามารถดึงออกได้ง่ายๆ จึงต้องใช้วิธีการผ่าตัดเอาออก

ปล่อยฟันคุดทิ้งไว้ จะเกิดอะไรขึ้น ?

ทพ.พจนารถ พุ่มประกอบศรี

ประสบการณ์การทำฟันในคนช่วงวัยรุ่น นอกจากจะอุดฟัน จัดฟันแล้ว ฟันคุดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่หลายๆ คนประสบกับตัวเองในช่วงอายุ 17-21 ปี ฟันกรามซี่สุดท้าย (ซี่ที่สาม) จะขึ้นหรือโผล่ในช่องปาก ฟันซี่นี้มักมีความพิเศษหลายอย่าง

  • ระหว่างที่ฟันขึ้น จะรู้สึกเจ็บปวดมาก หรืออาจมีอาการอักเสบ แก้มบวมโย้
  • บางคนไม่พบว่ามีฟันซี่นี้ขึ้น แต่ถ้าตรวจโดยภาพเอกซเรย์แล้ว จะพบลักษณะของฟันล้มนอน หรือเอียงชนฟันข้างหน้า ทำให้ขึ้นไม่ได้ ที่เรารู้จักกันดีว่า ฟันคุด

คุณสามารถตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง ลองนับฟันในช่องปากดู ฟันแท้จริงๆ แล้วมี 32 ซี่ ส่วนใหญ่จะนับได้ 28 ซี่ อีก 4 ซี่ที่หายไปให้สันนิษฐานไว้ได้เลยว่า เป็นฟันคุด คือไม่โผล่ให้เห็นชัดเจนในช่องปาก ทางที่ดี ถ้าคุณมีอายุครบ 17 ปีขึ้นไป น่าจะตรวจเอกซเรย์ เช็คดูว่าฟันซี่สุดท้ายมีลักษณะอย่างไรบ้าง เพราะทันตแพทย์มักแนะนำให้ถอนฟันคุด หรือผ่าเอาออกเสียตั้งแต่ยังไม่มีอาการเจ็บปวด เพราะถ้าปล่อยให้ฟันคุดต่อไปนอกจากจะไม่เป็นประโยชน์แล้ว กลับจะมีผลเสียต่อสุขภาพของช่องปากอีกด้วย

ถ้าปล่อยฟันคุดทิ้งไว้ จะเกิดอะไรขึ้น ?

  • ทำให้เศษอาหารติดบริเวณฟันคุด และฟันข้างเคียงได้ง่าย เป็นสาเหตุทำให้ฟันข้างเคียงผุ ซึ่งเป็นฟันหลักในการบดเคี้ยว หากฟันคุดผุไม่เป็นไร เพราะเราต้องเอาออกอยู่แล้ว แต่ถ้าฟันแท้ซี่ที่ 2 ผุ ก็จะเป็นที่น่าเสียดายมากเพราะเป็นซี่สำคัญที่เราใช้เคี้ยว
  • ฟันคุดจะทำให้ปวด บวม ติดเชื้อได้ ขนาดแก้มโย้เลยทีเดียว กินข้าวกินปลาไม่ได้เลย
  • ฟันคุดเป็นต้นเหตุให้เกิดความผิดปกติของเนื้อเยื่อหุ้มฟัน โดยอาจเปลี่ยนเป็นเนื้องอกหรือเนื้อร้ายได้
  • ฟันคุดเป็นตัวการทำให้เกิดฟันซ้อน เก ได้ เพราะแรงผลักที่ส่งต่อไปกระทบให้ฟันข้างหน้าเคลื่อนออกนอกแนว หลายๆ ท่านที่จัดฟันมักจะถูกถอนฟันคุดออกก่อน

ดังนั้นหากคุณตรวจสุขภาพฟันแล้วพบว่ายังมีฟันคุดอยู่ก็ขอแนะนำให้รีบเอาออกเสียในช่วงอายุน้อยๆ หากปล่อยให้เนิ่นนานอายุมาก การผ่าตัดออกจะยากขึ้น และผลเสียต่างๆดังกล่าวก็จะตามมาด้วย หากว่าในขณะที่ยังไม่ได้เอาฟันคุดออกก็ต้องรักษาความสะอาดของเหงือกและฟันให้ดี ปกติซี่ในสุดการแปรงฟันอาจจะเข้าไม่ถึง คุณอาจใช้น้ำยาบ้วนปากช่วยได้ อย่างน้อยก็กำจัดแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของฟันผุและกลิ่นปากได้ในระดับหนึ่ง

บางคนพอได้ยินคำว่า ผ่า ก็อาจรู้สึกกลัว พยายามผลัดผ่อนไปเรื่อยๆ ปัจจุบันนี้เครื่องไม้เครื่องมือและวิธีการได้ปรับพัฒนาขึ้นมาก การผ่าฟันคุดจึงไม่ใช่เป็นเรื่องน่ากลัวเหมือนอดีต อย่าปล่อยฟันคุดไว้สร้างปัญหาเลย รีบเอาออกดีกว่าครับ !

ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

ข้อมูลโดย : นิตยสาร Health Today

  อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ invariety-helath.blogspot.com แหล่งรวมบทความของคนรักสุขภาพ

วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552

ขจัดขี้ฟันให้ถูกวิธี

การทำความสะอาดภายในช่องปากคุณอาจมองข้ามไปหลายๆ อย่าง ส่วนใหญ่แล้วการขจัดคราบอาหารในช่องปาก เราจะเข้าใจว่าแค่แปรงฟันก็พอ
ขจัดขี้ฟันให้ถูกวิธี
พ.ต.ท.ทพ.พจนารถ พุ่มประกอบศรี

มีสิ่งน่าสนใจเกี่ยวกับการทำความสะอาดภายในช่องปากที่คุณอาจมองข้ามไปหลายๆ อย่าง ส่วนใหญ่แล้วการขจัดคราบอาหารในช่องปาก เราจะเข้าใจว่าแค่แปรงฟันก็พอ โดยข้อเท็จจริงแล้ว ฟันและเหงือกเป็นอวัยวะที่กักเก็บเศษอาหารที่ต้องมีอุปกรณ์และวิธีการทำความสะอาดอย่างที่พิถีพิถันพอสมควร เลยครับ มาดูกันว่าอะไรควรหรือไม่ควรฏิบัติกันเพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีตลอดไป

Dos
  • เลือกแปรงที่ขนนิ่มไม่แข็งเกินไป
  • แปรงหลังรับประทานอาหารทุกครั้ง
  • แปรงให้ถูกวิธี ฟันบนปัดลงล่าง ฟันล่างปัดขึ้นบน แปรงทุกด้านของฟัน ด้านบดเคี้ยว ด้านนอก ด้านใน
  • ใช้ไหมขัดฟันขจัดเศษอาหาร ตามซอกฟันและใต้เหงือก
  • การใช้ Dental floss (ไหมขัดฟัน) ให้ใช้ทุกครั้งหลังจากรับประทานอาหาร ทำทุกซีก
  • ท่านที่มีฟันห่างมาก ใส่ฟันปลอมแบบติดแน่น อาจจะต้องใช้แปรงซอกฟันทำความสะอาดด้านข้างของฟัน และใต้ฐานฟันปลอม
  • ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสม fluoride
  • อมน้ำยาบ้วนปากหลังการแปรงฟันทุกครั้ง
การขจัดคราบอาหาร(ขี้ฟัน) ออกให้หมดเกลี้ยงจะช่วยลดฟันผุ และเหงือกอักเสบได้อย่างตรงจุดที่สุด รู้อย่างนี้ก็อย่าปล่อยให้คราบอาหารค้างอยู่ในปากนานๆ ต้องพิถีพิถันขจัดออกเสีย สุขภาพเหงือกและฟันจะดีตลอดไป
Donts
มีอะไรบ้างที่ต้องระมัดระวัง เพราะถ้าทำผิดเข้าใจไม่ถูกต้อง แทนที่จะขจัดคราบอาหารได้เกลี้ยง กลับมีผลข้างเคียงต่อเหงือกและฟันอีก
  • ไม่ใช้แปรงขนแข็งมาก (เพราะจะทำให้ฟันสึกได้ง่าย)
  • เลือกแปรงด้ามตรงไม่โค้งงอ เพราะแปรงเหล่านี้ จะแปรงทำความสะอาดได้ดี เฉพาะบางตำแหน่ง
  • อย่าแปรงฟันแบบตามใจฉันที่ถนัด คือ แปรงขึ้นลงแรงๆ วิธีแบบนี้ จะทำให้เหงือกร่นง่าย เพราะหลักการที่ถูกต้อง ฟันบนให้ปัดลงล่าง ฟันล่างให้ปัดขึ้นบน แต่ถ้าแปรงขึ้นลงเร็วๆ ฟันบนจะถูกแปรงกระแทกเหงือกให้ขึ้นไป ฟันล่างก็ถูกแปรงกระแทกให้เหงือกถอยลงล่าง จนเกิดอาการ เหงือกร่นเป็นสิ่งที่แก้ไขให้กลับมาเหมือนเดิมยาก และทำให้มีอาการเสียวฟัน เวลาแปรงด้านข้าง ก็จะถูเข้าออกแรงๆ เหมือนเลื่อย แบบนี้ก็ทำให้คอฟันสึกเหมือนการโค่นต้นไม้ รอยสึกจะทำให้มีอาการเสียวฟัน ถ้าสึกเข้าไปลึกมาก อาจต้องรักษารากฟัน
  • อย่าใช้ไม้จิ้มฟันทำความสะอาดด้านซอกฟัน เพราะไม้จิ้มฟันมีผลต่อเหงือก ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างฟันมากขึ้น ให้ใช้ dental floss แทน
  • น้ำยาบ้วนปากช่วยทำความสะอาดช่องปาก โดยการลดจำนวนแบคทีเรียชั่วขณะ ดังนั้นยังต้องแปรงฟันให้สะอาดด้วยครับ
ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552

เจาะหู เจาะปาก เจาะลิ้น

แฟชั่นที่สร้างความแปลกใหม่ในกลุ่มวัยรุ่นนอกจากการสักลวดลายตามผิวหนังแล้ว การเจาะอวัยวะเพื่อติดเครื่องประดับ นับวันจะเป็นที่นิยมมากขึ้น
เจาะหู เจาะปาก เจาะลิ้น
พ.ต.ท.ทพ. พจนารถ พุ่มประกอบศรี

แม้นจะแลกความเท่กับความเจ็บปวดก็ตาม การเจาะหู เราจะเห็นเป็นเรื่องคุ้นเคยสำหรับคุณผู้หญิง และถือเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับผู้ชาย แต่สำหรับการเจาะลิ้น เจาะริมผีปาก เพื่อติดเครื่องประดับนี้ กำลังมาแรง เป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นในแง่ของความแปลกใหม่ และเอกลักษณ์ของบุคคล ในมุมมองของแพทย์ช่องปากแล้วก็อยากจะฝากบางประเด็นให้บางท่านที่จะตัดสินใจทำได้ทบทวนสักนิดหนึ่ง
การเจาะเนื้อของร่างกาย มันก็คือการทำให้เกิดแผลไม่ว่าที่ไหนของร่างกาย เรามีแนวคิดคือ เหมือนกับการผ่าตัด ซึ่งพื้นฐานเลยต้องแบบเดียวกันคือ สะอาด ปราศจากเชื้อ ความสะอาดแบบแพทย์ นั้นต้องระดับที่เครื่องมือปราศจากเชื้อจริงๆ เครื่องมือต้องผ่านการนึ่งฆ่าเชื้ออย่างถูกวิธี ไม่ใช่แค่เช็ดแอลกอฮอลล์ ทีสองทีแล้วไปทิ่มไปแทงกัน
อีกเรื่องหนึ่งคือเวลาเราจะทำอะไรบนอวัยวะโดยเฉพาะการเจาะการผ่า ทางการแพทย์จะต้องศึกษาอย่างละเอียดว่าบริเวณรอบๆ นั้นมีอะไรอยู่บ้าง เช่นเส้นเลือด เส้นประสาท ซึ่งจะทำให้เสียเลือด กระทบเส้นประสาท ทุกอย่างจะกระทำอยู่บนพื้นฐานวิชาความรู้ ไม่ใช่ทำแบบคาดเดา ดังนั้นการเจาะลิ้น แบบแฟชั่นจึงมีเรื่องราวที่น่าเป็นห่วงตามหลังมาหลายอย่าง เช่น
  • ความเจ็บปวด
  • มีการติดเชื้อ อัดเสบบวม บางครั้งอาการบวมไม่จำกัดตรงจุดนั้น แต่อาจลุกลามไปใต้ลิ้น ไปที่ลำคอ ทางเดินหายใจ หายใจไม่ออก เป็นเรื่องเป็นราวต้องนอนโรงพยาบาลกันเลย
  • เจาะไม่ดีไปถูกเส้นเลือด ทำให้เลือดไหลไม่หยุด
  • พอใส่ลูกตุ้ม น้ำลายจะไหลมากขึ้น พูดไม่ชัด เวลากิน เวลาพูด ลูกตุ้มกระทบลิ้น อาจแตกร้าวได้ มีเหตุให้เสียวฟันมาก
  • ลูกตุ้มอาจหลวมแล้วหลุดเข้าคอได้
ก็ด้วยเหตุผลดังกล่าว ถ้าคุณยังกล้าเสี่ยง ก็คงไม่ห้ามกันละครับ ได้แต่หวาดเสียวแทน ขอให้โชดดีครับ
ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

กินอาหารเพื่อสุขภาพฟัน

เมื่อเรารับประทานอาหารผ่านเข้าไปในช่องปาก แบคทีเรีย ซึ่งอยู่ในรูปของแผ่นบางๆ เหนียว ที่เรียกว่า Plaque (แผ่นคราบ) จะเปลี่ยนอาหารเหล่านั้นให้เป็นกรดทำลายฟันและเหงือก

พ.ต.ท.ทพ.พจนารถ พุ่มประกอบศรี

อาหารเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับร่างกาย แต่อีกด้านหนึ่งการกินไม่เลือก ไม่ระมัดระวังก็มีโทษสำหรับร่างกายเช่นกัน ตอนนี้เรารณรงค์ในการเลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารที่รับประทานแล้วน้ำหนักไม่เพิ่ม ไม่อ้วน อาหารที่กินแล้วไม่ก่อให้เกิดโรค เช่น ไขมันอุดตันในเลือด โรคหัวใจ ทางทันตกรรมก็เช่นกัน เราให้ความสำคัญในเรื่องอาหารอย่างมากในการป้องกันโรคฟันผุ โรคเหงือก

กินอาหารเพื่อสุขภาพฟัน

แบคทีเรียเหล่านี้ชอบอาหารหวาน อาหารที่เป็นแป้งมาก หลังรับประทานอาหารหากยังไม่แปรงฟันทันที แบคทีเรียเหล่านี้ก็ทำหน้าที่สร้างกรดไปเรื่อยๆ ดังนั้นยิ่งรับประทานอาหารบ่อยๆ 3 มื้อหลักแล้วยังมีแทรกระหว่างมื้อ อาหารก็สัมผัสกับฟันมากขึ้นโอกาสที่ฟันและเหงือกก็ถูกทำลายมากขึ้น

อะไรบ้างที่ ควร หรือ ไม่ควร ในการดูแลรักษาสุขภาพฟัน
DO (ควรปฏิบัติ)

  • ควรรับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่ ให้เกิดความสมดุล
    - ขนมปัง ข้าว Cereal อาหารที่มีกากใย
    - ผลไม้
    - ผัก
    - เนื้อปลา ถั่ว
    - นม ชีส โยเกิต
  • ถ้าหากจะทานอาหารว่างลดอาหารพวกแป้ง น้ำตาล ให้ทาน ผัก ผลไม้แทน
  • แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ด้วยยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์
  • ทำความสะอาดซอกฟันด้วยไหมขัดฟัน Dental Floss
  • พบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน

DONT (ไม่ควร)

  • ไม่ควรให้น้ำตาลสัมผัสฟันนานๆ
    - ลดการอมลูกอม
    - ขนมกรอบๆ เหนียวๆ ติดฟัน
  • น้ำอัดลม (Soft drink) มีน้ำตาลเยอะมาก 1 กระป๋อง บางยี่ห้อมีน้ำตาล 11 ช้อนกาแฟ ดื่มน้ำเปล่าแทนน้ำอัดลม อย่าดื่มน้ำอัดลมทุกมื้ออาหาร
  • ไม่สูบบุหรี่ เพราะมีผลต่อ
    - ฟันเปลี่ยนสี
    - เสี่ยงต่อโรคเหงือก
    - เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งในช่องปาก ลำคอ

กุญแจสำคัญในการเลือกรับประทานอาหารอย่างชาญฉลาดไม่ใช่จะไม่กินพวกแป้ง น้ำตาลเลย แต่ต้องระวังในการกินและคิดก่อนกินทุกครั้ง เพราะอาหารมีผลต่อสุขภาพของเรา ถ้าเราสามารถควบคุมและผักให้เป็นนิสัยก็จะส่งให้สุขภาพของเราดี และยิ้มได้อย่างสวยงาม

ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

  อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ invariety-helath.blogspot.com แหล่งรวมบทความของคนรักสุขภาพ

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552

นอนกัดฟัน

จะมีใครสักกี่คนรู้ว่าตัวเองนอนกัดฟัน เพราะตอนเราหลับเพลินๆ ฝันเรื่อยเปื่อยไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร แต่คนข้างๆ สิ อาจนอนไม่หลับ เพราะเสียงเซอร์ราวด์ข้างๆ
พล.ต.ท.ทพ.พจนารถ พุ่มประกอบศรี ทันตแพทย์

หู ไม่ใช่เฉพาะแค่เสียงกัดฟันที่ก่อความไม่สงบ แต่มีผลเสียต่อเจ้าตัวอยู่มากพอสมควร คนที่นอนกัดฟัน ถ้าเป็นมากแล้วไม่ได้รับการป้องกันแก้ไขนั้น เรื่องที่เห็นได้ชัด ๆ คือ
นอนกัดฟัน
มีฟันสึก เพราะชาวบ้านกลางคืนเขาหยุดเคี้ยวกันแล้ว แต่แกยังกัดเขี้ยวเคี้ยวฟันดังกรอดๆ เอาฟันขบกับฟัน โดยไม่มีอาหารกั้นกลางเลย มันก็ต้องสึกแน่นอน สึกจนฟันเตี้ย
ฟันร้าว ฟันแตกได้ ก็เพราะฟันมันทำงานหนักมากกว่าธรรมดา กอปรกับแรงบดเคี้ยวแรงมาก ถูกกระแทกจำนวนครั้งมากกว่าปกติ ฟันบางซี่ทนไม่ได้ก็มีอาการร้าวเกิดขึ้น ฟันร้าวนี่เสียวมากๆ เวลากินของร้อนและเย็น
มีอาการปวดศีรษะ ก็เพราะการเคี้ยว ทำให้มีการขยับขากรรไกรอยุ่ตลอดเวลา ขากรรไกรจะขยับได้ก็ต้องอาศัยกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าและศีรษะเป็นตัวขับเคลื่อน การนอนกัดฟัน เท่ากับว่าขากรรไกรต้องทำงานแบบผิดปกติและทำอยู่ทั้งคืน กล้ามเนื้อบริเวณนี้มันไม่ได้พัก ก็มีผลทำให้รู้สึกปวดศีรษะได้โดยเฉพาะเวลาตื่นนอน
เห็นไหมครับว่า ผลข้างเคียงจากการนอนกัดฟันนั้น มีมากและกระทบกับฟันซี่ดีๆ ด้วย จึงควรได้รับการแก้ไข ทีนี้เราลองมาดูว่า สาเหตุจริงๆ ของการนอนกัดฟันมาจากอะไร?
ความเครียด ความวิตกกังวล มีผลมากทำให้สะท้อนออกมาโดยไม่รู้ตัวด้วยการนอนกัดฟัน ในภาวะสังคม เศรษฐกิจปัจจุบัน เราต้องเผชิญความเครียดกันมากขึ้นเรื่อยๆ แบบต้องพบหลบไม่ได้ จึงต้องหาวิธีผ่อนคลายความเครียด หรือลดมันให้ได้ เพื่อไม่ให้ไปกระทบกับร่างกายด้านอื่นๆ การออกกำลังกาย ฝึกโยคะ ทำสมาธิ ก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกที่จะลดความเครียด และน่าจะเป็นแนวทางแบบสมดุลมากกว่าการใช้ยาลดความเครียด
มีฟันเก ฟันซ้อน หรือสบผิดปกติ ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้นอนกัดฟันได้ เพราะร่างกายจะพยายามชดเชย โดยการบดฟันให้เข้าที่ ตรงไหนสะดุดชน การกัดฟันก็เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติเพื่อปรับให้เสมอกัน
แก้ปัญหานอนกัดฟันอย่างไรดี ?
สิ่งแรกเลยคือต้องหาทางป้องกันอย่าให้เครียดหรือสร้างภูมิคุ้มกันให้ทนกับความเครียดให้ได้
ขจัดสาเหตุชักนำ การมีฟันซ้อน ฟันเก ก็จัดเสีย ถ้าฟันสบไม่ดีสูงไป ก็ปรับให้มันลงตัวโดยทันตแพทย์
ใส่ฟันยาง ซึ่งทันตแพทย์จะพิมพ์ฟัน แล้วหล่อแบบทำให้เหมาะสม หรือชิดกับฟันของแต่ละคนใส่นอนกลางคืนเพื่อลดการเสียดสีและของฟัน ป้องกันไม่ให้ฟันสึก หรือแตกร้าวได้ อีกประโยชน์หนึ่งยังช่วยลดเสียงรบกวนได้เป็นอย่างดีครับ
หากท่านมีปัญหาดังกล่าวก็อย่ารอช้า รีบปรึกษาทันตแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและป้องกันก่อนที่ฟันของท่านถูกบดขยี้ด้วยการนอนกัดฟันจนแบนราบชิดขอบเหงือก เรื่องนี้ป้องกันแก้ไขได้ครับ
ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2552

เทคนิคทำความสะอาดลึกถึงซอกฟัน

ก็แปรงฟันหลังอาหาร ยาสีฟันก็ใช้อย่างราคาแพง น้ำยาบ้วนปากก็มีบ้วนเป็นประจำ มั่นใจมากว่าสะอาดแน่ แต่ทำไมยังเกิดโรคเหงือกอักเสบ ฟันผุอยู่
เทคนิคทำความสะอาดลึกถึงซอกฟัน
ทพ.พจนารถ พุ่มประกอบศรี
การทำความสะอาดฟันเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันโรคในช่องปากไม่ว่าจะเป็น ฟันผุ โรคเหงือก จะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์เกี่ยวกับอนามัยของฟัน ตั้งแต่แปรงสีฟัน มีกันหลายแบบหลายชนิด ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก อุปกรณ์เสริมในการทำความสะอาดฟันก็มีมากมาย แต่ก็มักมีคำถามที่เกิดขึ้น บ่อยๆ ว่า ก็แปรงฟันทุกมื้อหลังอาหาร ยาสีฟันก็ใช้อย่างราคาแพง น้ำยาบ้วนปากก็มีบ้วนเป็นประจำ มั่นใจมากว่าสะอาดแน่ แต่ทำไมยังเกิดโรคเหงือกอักเสบ ฟันผุได้เพราะมีเศษอาหารค้างอยู่
การเกิดโรคเหงือกอักเสบ และฟันผุได้ ก็ต้องมีคราบอาหารค้างอยู่ มีอะไรบ้างที่เป็นอุปสรรคทำให้แปรงฟันได้ไม่เกลี้ยงเกลาอย่างที่คิด
คนที่มีฟันซ้อนเก เรียงตัวไม่เป็นระเบียบเหมือนเวลาเข้าแถวและมีคนล้ำเส้นออกไป เวลาแปรงฟันขนแปรงจะสัมผัสเฉพาะฟันอยู่แถวหน้าเท่านั้น ส่วนฟันที่อยู่ด้านหลังก็จะไม่ค่อยถูกขนแปรงเลย คราบอาหารที่ค้างอยู่ตามคอฟันก็มีมาก คนที่มีฟันซ้อนเก จึงเกิดโรคเหงือกอักเสบได้ง่าย วิธีแก้ ก็คือจัดฟันหรือถ้ายังไม่พร้อมเวลาแปรงก็ต้องกดขนแปรงให้แนบชิดกับตัวฟันให้มาก ถึงสามารถทำความสะอาดได้อย่างเกลี้ยงเกลา
คนที่มีหุ้มกระดูกงอกมากผิดปกติและมีขนาดใหญ่ ที่ทำให้ขัดขวาง การแปรงฟัน เพราะขนแปรงจะติดบริเวณหุ้มกระดูกนี้ก่อน ก่อนถึงตัวฟัน ถ้าจะแปรงให้เกลี้ยงจริงๆ ต้อง กดขนแปรงให้สัมผัสกับตัวฟันจึงจะต้องใช้แรงกดมากกว่าปกติ
คนที่มีฟันล้มเอียง ก็จะแปรงยากเช่นกัน ต้องกดขนแปรงให้แนบกับฟันจริงๆ จึงจะทำความสะอาดได้ดี
คนที่มีฟันคุดที่โผล่ขึ้นมาบางส่วนแล้วไม่ได้ผ่าเอาออก เศษอาหารจะเข้าไปติดบริเวณฟันคุดและฟันซี่ติดกัน ทำให้ฟันข้างเคียงผุและเกิดอาการเหงือกอักเสบได้ง่าย กรณีแบบนี้ถึงจะพยายามแปรงอย่างไร ก็เอาเศษอาหารออกไม่หมด เห็นมีอยู่ทางเดียวก็ คือ ผ่าเอาฟันคุดออกก่อนครับ
ฟันที่อยู่ลึกมาก ๆ มักจะแปรงไม่ค่อยถึง เพราะบางท่านพอใส่แปรงสีฟันเข้าไปใกล้บริเวณ คอ ก็จะมีอาการอ๊อก ออกมาก็เลยไม่แปรงบริเวณซี่สุดท้าย ช่องว่างระหว่างฟัน แปรงสีฟันไม่สามารถเข้าไปถึงได้ คงต้องใช้ ไหมขัดฟัน ช่วยทำความสะอาด ถึงจะกำจัดเศษอาหารที่ติดค้างได้หมด
ฟันของเราจะมีบริเวณที่ทำความสะอาดได้ง่าย เช่น ด้านบดเคี้ยว ด้านที่ขนแปรงเข้าไปสัมผัสกับผิวหน้าฟันโดยตรง แต่ก็มีบางมุม บางจุดที่แปรงได้ยาก เนื่องจากการเรียงตัวของฟันอวัยวะข้างเคียงที่ขวางอยู่ จึงต้องสำรวจตรวจดูและให้ความเอาใจใส่ในการทำความสะอาดฟันกันเป็นพิเศษ เพื่อลดคราบอาหารเพื่อเพิ่มความมั่นใจคุณอาจใช้น้ำยาบ้วนปากที่ผสมฟลูออไรด์ช่วยด้วยอีกทางหนึ่งก็ดีทีเดียว
ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

กินต้องเลือกเพื่อ เหงือกและฟัน

อาหารทุกชนิดที่เราทานจะผ่านทางปาก คราบอาหารที่หลงเหลือจากการบดเคี้ยว จะถูกเปลี่ยนเป็นกรดทำลายฟันโดยแบคทีเรีย...
กินต้องเลือกเพื่อ เหงือกและฟัน
การเลือกรับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่เหล่า มีผลต่อการเสริมสุขภาพให้แข็งแรง ในมุมกลับกัน การกินไม่เลือก ก็มีผลเสียต่อสุขภาพ การได้สารอาหารครบมีความจำเป็นต่อสุขภาพฟันและเหงือก เราพบว่าถ้าขาดอาหารโรคเหงือกอักเสบจะลุกลามเร็วมาก แรงต้านทานต่อการอักเสบจะลดน้อยลง
สารอาหารที่เพียงพอจะมีผลดีต่อการเจริญเติบโตของฟันในเด็ก หญิงตั้งครรภ์ควรได้รับอาหารครบทุกหมู่เหล่าที่มีผลต่อการสร้างฟัน โดยเฉพาะธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัส และ ฟลูออไรด์ โปรตีน วิตามิน ต่างๆ จริงๆ แล้วฟันของเด็กเริ่มเกิดขึ้นเมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ได้ 6 สัปดาห์ อาหารที่คุณแม่ทานย่อมมีผลต่อฟันลูกอย่างแน่นอน

อาหารทำให้เกิดฟันผุและเหงือกอักเสบ
อาหารทุกชนิดที่เราทานจะผ่านทางปาก โดยมีการบดเคี้ยวสัมผัสกับเหงือกเป็นด่านแรก คราบอาหารที่หลงเหลือจากการบดเคี้ยว จะถูกเปลี่ยนเป็นกรดทำลายฟันโดยแบคทีเรีย

อาหารที่ช่วยส่งเสริมทำให้เกิดฟันผุและเหงือกอักเสบ

น้ำตาล
ที่ใช้ในการปรุงอาหาร ขนม น้ำตาลในผลไม้ น้ำตาลที่อยู่ในนม น้ำตาลที่ผสมในอาหารสำเร็จรูป เครื่องปรุงต่างๆ เช่น ซอสมะเขือเทศ น้ำสลัด น้ำผึ้งที่ผสมในขนม น้ำตาลเหล่านี้มีส่วนที่ทำให้ฟันผุและเหงือกอักเสบได้ง่าย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องหยุดรับประทานทั้งหมด เพราะร่างกายยังต้องการสารอาหาร ที่มีในนม ผลไม้ ผัก

แป้ง เป็นอาหารที่ทำให้เกิดพลังงาน (มีอยู่ใน ข้าว ขนมปัง ขนม ฯลฯ) ในมุมกลับกันก็ทำให้เกิดฟันผุและเหงือกอักเสบได้ง่ายเช่นกัน


กินต้องเลือก เพื่อให้สุขภาพฟันดีเราต้องปรับวิธีการกิน และรูปแบบการกินเสียใหม่ ผมขอแนะนำว่า

ลดการทานอาหารระหว่างมื้อ ยิ่งกินบ่อย เพิ่มความถี่ในการกิน จำนวนกรดที่เกิดจากแบคทีเรีย ก็มีโอกาสสัมผัสกับผิวฟันมากขึ้น ฟันผุ เหงือกอักเสบง่ายขึ้น ตัวอย่างง่ายๆ ในเด็กที่หลับคาขวดนม มักจะมีฟันผุทั้งปากก่อนฟันแท้ขึ้น หรือคนที่ทานอาหารว่างอยู่เรื่อย จะมีฟันผุและเหงือกอักเสบมากกว่าคนที่ทานอาหารตามมื้อ

ลดทานอาหารหวานเหนียวๆ ติดฟันง่าย เช่น ท้อฟฟี่ น้ำเชื่อมที่มากับขนม น้ำอัดลม อาหารพวกแป้งที่แปรรูป เช่น ขนมปังกรอบ อาหารหวานสำเร็จรูปบางอย่าง เราควรดูฉลากเพื่อตรวจปริมาณน้ำตาล คงต้องเลือกและลดเสีย ไม่ควรทานบ่อยๆ เลือกทานผลไม้เป็นอาหารว่างแทนขนม สุขภาพฟันดี อย่าลืม กินต้องเลือก และแปรงฟันหลังอาหารทุกมื้อ ใช้ยาสีฟันที่มีฟูลออไรด์ ป้องกันฟันผุ ใช้ไหมขัดฟัน ทำความสะอาดตามซอกฟัน พบทันตแพทย์ ปี 2 ครั้ง

ถ้าคุณระวังเรื่องอาหารสักหน่อยและทำความสำอาดทุกครั้งหลงรับประทานเป็นประจำ เชื่อแน่ว่าคุณจะมีสุขภาพฟันและเหงือกดีตลอดไป



ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

การฟอกและเคลือบสีฟัน

มีคนจำนวนมากที่มีปัญหากับฟันแม้ฟันไม่ผุ โดยเฉพาะฟันที่มีสีเหลืองจนถึงน้ำตาลดูไม่สวยงาม การฟอกฟันจึงเป็นทางออกที่ช่วยให้สีของฟันดูดีขึ้น

ทพ.บุญชัย ประสิทธิ์วิภาต

คนที่มีสุขภาพปากและฟันแข็งแรง กล้าที่จะยิ้มด้วยความมั่นใจ ถือว่าเป็นคนที่โชคดีมาก ฟันแท้ของเรานี่เอง ที่ถือเป็นฟันที่แข็งแรงที่สุดยิ่งไม่มีฟันผุด้วยแล้ว ยิ่งต้องรักษาสุดชีวิตกันเลย แต่ก็ แต่ถ้าฟันมีสีคล้ำมากการเคลือบฟันก็เป็นอีกวิธีที่ใช้ได้ผล คำถามมีอยู่ว่าหลังจากฟอกหรือเคลือบฟันแล้ว ฟันยังแข็งแรงเหมือนเดิมหรือไม่ คอลัมน์นี้มีคำตอบให้คุณ แต่ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจถึงการฟอกและเคลือบฟันกันก่อน

การฟอกและเคลือบสีฟัน

การฟอกฟันมีมานานแล้ว คนที่มีฟันเหลือง สีน้ำตาลอ่อนๆ อาจเป็นมาแต่กำเนิด หรือมีสาเหตุจากยาบางชนิดตั้งแต่ในวัยเด็ก หรืออาหารที่กินอยู่ทุกวัน เช่น ชา กาแฟ หรือการสูบบุหรี่ก็มีส่วนทำให้ฟันมีสีคล้ำขึ้น

ก่อนการฟอก หรือเคลือบฟัน ทันตแพทย์จำเป็นจะต้องขัดและขูดหินปูนออกก่อนจนฟันสะอาด การฟอกสีฟัน คือการทำให้สี (pigment) ที่สะสมอยู่ในเนื้อฟันหลุดออกมา โดยโครงสร้างของฟันหากมองด้วยกล้องจุลทรรศน์จะเห็นเนื้อฟันมีลักษณะเป็นท่อเล็กๆ และมีสีอยู่ในท่อฟันเหล่านี้ การฟอกฟันจะใช้สารฟอกฟันจำพวกเปอร์ออกไซด์ เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (ผสมสารอื่นๆ เพื่อให้เหมาะกับการใช้กับฟันและปลอดภัยภายในช่องปาก) มีลักษณะคล้ายเจลเหนียว (Bleaching gel) ที่จะทำให้สีหลุดออกมา ซึ่งต้องทำหลายครั้งจึงให้ผลที่ต้องการ

การฟอกฟันนี้มี 2 ประเภท คือทำที่คลินิค และทำเองที่บ้านซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ให้รายละเอียดในวิธีการและข้อควรระวัง การฟอกฟันไม่ใช่การเอากรดมากัดเนื้อฟันอย่างที่หลายคนเข้าใจ ดังนั้นหลังจากฟอกฟันจึงไม่มีผลกับโครงสร้างของฟัน

อีกวิธีหนึ่งสำหรับผู้ที่มีสีฟันค่อนข้างเข้มคล้ำ จนบางครั้งไม่กล้ายิ้มกับใคร จึงเลือกวิธีเคลือบฟัน ซึ่งทันตแพทย์จะใช้วัสดุเฉพาะสำหรับการเคลือบฟันมาติดที่ฟัน เช่น วัสดุอุดฟันที่ซึ่งสามารถเคลือบฟันเสร็จภายในครั้งเดียว มีราคาถูกกว่า แต่ไม่ค่อยสวยงามและไม่ค่อยแข็งแรง จึงมีวัสดุอีกชนิดหนึ่งเป็นเซรามิก(ceramic) ที่เป็นอีกทางเลือก โดยมีราคาแพงกว่า แต่สีสวยกว่าใกล้เคียงสีเนื้อฟันจริง และแข็งแรงกว่า การเคลือบฟันแบบนี้ ผู้ที่จะทำต้องแน่ใจพอสมควร เพราะจำเป็นต้องกรอผิวเนื้อฟันด้านหน้าออกประมาณ 0.6-1 มิลลิเมตร หลังจากนั้นแพทย์ก็จะพิมพ์ฟันเพื่อส่งไปทำผิวฟันด้วยวัสดุกึ่งเซรามิกที่แล็ป ให้ได้ตามรูปแบบของฟันจริง แล้วจึงนัดมาติดฟันอีกครั้ง ดังนั้นถ้าตัดสินใจทำเคลือบฟันแล้วเท่ากับต้องยอมรับการเสียผิวเนื้อฟันด้านหน้า และต้องใช้ฟันที่เคลือบไปตลอด หากชำรุดแตกหักก็ต้องซ่อมแซมส่วนที่เคลือบนั้นเพื่อให้ฟันสมบูรณ์ดังเดิม

หลังจากเคลือบฟันแล้วคุณภาพฟันจะแข็งแรงหรือไม่นั้น อยู่ที่สองปัจจัยหลัก คือ หนึ่ง ความสามารถของทันตแพทย์ และสองพฤติกรรมการใช้ฟันของเจ้าของฟัน ผู้ที่เคลือบฟันแล้วต้องใช้ฟันอย่างทะนุถนอมมากยิ่งขึ้น เพราะการเคลือบฟันจะทำให้เนื้อฟันส่วนหนึ่งถูกกรอออกไป แล้วปิดทับด้วยวัสดุดังกล่าว การเคลือบฟันจึงไม่เหมาะกับคนที่นอนกัดฟัน หรือชอบใช้ฟันหน้าบดแทะอาหารแข็งๆ เมื่อเคลือบฟันแล้วควรปรับเปลี่ยนวิธีการรับประทานใหม่ด้วย มิเช่นนั้นอาจทำให้ฟันที่เคลือบไว้แตกชำรุดและต้องกลับมาหาทันตแพทย์ให้ช่วยซ่อมแซมอยู่ร่ำไป

ดังนั้นผู้ที่ฟันมีสีไม่ขาวสวยเหมือนคนอื่น หากต้องการจะปรับเปลี่ยนสีฟัน ด้วยวิธีฟอกสี หรือเคลือบฟัน ก็คงต้องปรึกษาทันตแพทย์เฉพาะด้านก่อนตัดสินใจ อย่าลืมว่าฟันที่มีสีสวยไม่ได้สำคัญมากไปกว่าการดูแลให้มีฟันแข็งแรง รักษาสุขอนามัยในช่องปากให้ดีด้วย อย่าให้เหมือนคำพังเพยที่ว่า สวยแต่รูปจูบไม่หอม เสียล่ะ

ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

ข้อมูลโดย : นิตยสาร Health Today

  อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ invariety-helath.blogspot.com แหล่งรวมบทความของคนรักสุขภาพ

วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2552

เคี้ยวข้างเดียวนานๆ เป็นไรหรือไม่

การเคี้ยวข้างเดียวก็เป็นประเด็นหนึ่งที่โยงไปถึงการด้อยประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวและมีผลข้างเคียงหลายๆอย่าง ...
เคี้ยวข้างเดียวนานๆ เป็นไรหรือไม่
พ.ต.ท.ทพ.พจนารถ พุ่มประกอบศรี
การที่เรามีฟันครบอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ก็สามารถทำให้เราเคี้ยวอาหารได้ดีละเอียดขึ้น จะทานอะไรมันก็อร่อย ระบบบดเคี้ยวที่ดีต้องมีความสมดุล ซึ่งจะสัมพันธ์กันแค่ ฟัน ขากรรไกร และกล้ามเนื้อที่ขยับขับเคลื่อนขากรรไกร ถ้าอย่างหนึ่งอย่างใดผิดปกติ ระบบบดเคี้ยวก็เสียหายด้วย การเคี้ยวข้างเดียวก็เป็นประเด็นหนึ่งที่โยงไปถึงการด้อยประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวและมีผลข้างเคียงหลายๆอย่าง

ทำไมถึงเคี้ยวข้างเดียว
1. มีปัญหาที่ตัวฟันข้างนั้น เคี้ยวแล้วเศษอาหารติด,เคี้ยวแล้วเจ็บ จึงย้ายไปเคี้ยวอีกข้าง,ฟันผุที่ไม่ได้อุด,ฟันที่เป็นโรคเหงือกอักเสบ,โยกคลอน,ฟันร้าว,ฟันแตก,ฟันเหลือแค่ราก ลักษณะอย่างนี้ที่ทำให้ฟันทำหน้าที่ไม่เต็มที่ คนใช้จึงโยกการเคี้ยวไปอีกข้าง

2. บริเวณข้างนั้นไม่มีฟัน หลังจากที่ถอนฟันไปแล้ว ทันตแพทย์มักแนะนำให้คนไข้ใส่ฟันเพื่อรักษาระบบการบดเคี้ยวให้เป็นไปเหมือนเดิม มีหลายท่านที่ถอนฟันแล้วไม่ใส่ก็ย้ายไปเคี้ยวฝั่งตรงข้ามที่มีฟันเต็มๆ

3. มีฟันครบแต่ประสิทธิภาพในการตัดอาหารของทั้งสองข้างไม่เท่ากัน เรามักจะไปเคี้ยวยังด้านที่บดอาหารได้ดีกว่า อาจเป็นเพราะยอดฟันสึกจากที่เคยอุดฟันหรือใส่ฟัน Procela..มานานๆ วัสดุอุดฟันอาจจะสึกแตก ความคมของยอดฟันสูญเสียไป ก็เคี้ยวไม่ถนัดเมื่อเทียบอีกข้าง

4. โดยนิสัยของแต่ละคนที่ถนัดเคี้ยวข้างเดียว
การเคี้ยวข้างเดียวมีผลอย่างไร?
1. เกิดความไม่สมดุลย์ต่อการบดเคี้ยว โดยปกติแล้วหัวต่อขากรรไกรจะมีทั้งซ้าย,ขวา ทำหน้าที่คล้ายบานพับ อ้าปากหุบปาก หากมีการเคี้ยวข้างเดียวนานๆ มีผลทำให้เกิดอาการเจ็บบริเวณหัวต่อขากรรไกรได้

2. การเคี้ยวข้างเดียว มีผลทำให้ฟันข้างนั้นทำงานหนักมากขึ้น โอกาสจะเสียหาย,ฟันสึก,แตกมีมากขึ้น

3. กล้ามเนื้อที่ใช้บดเคี้ยวด้านนั้นจะทำงานหนักมากขึ้น รูปขากรรไกรอาจดูไม่เท่ากัน กล้ามเนื้อด้านนั้นจะแข็งแรงและโตกว่าอีกข้าง
หากท่านเคี้ยวข้างเดียว จะด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ ควรพบทันตแพทย์สาเหตุนั้นออก เพื่อให้ระบบบดเคี้ยวอยู่ในสภาพที่สมดุลย์ ลดการเสี่ยงต่อผลกระทบหรือสิ่งเสียหายที่มีต่อหัวต่อขากรรไกรและอวัยวะข้างเคียงได้ `
ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2552

Do’s Don’ts เคี้ยวให้ฟันปลอดภัย

หากถามว่าอวัยวะอะไรที่แข็งแรงที่สุดในร่างกาย ฟันที่ใช้เคี้ยวอาหาร นี่แหละ แต่ถึงจะแข็งอย่างไรก็มีโอกาสสูญเสียจากโรคฟันผุโรคเหงือกได้
Do’s & Don’ts เคี้ยวให้ฟันปลอดภัย
พ.ต.ท.ทพ.พจนารถ พุ่มประกอบศรี
หากถามว่าอวัยวะอะไรที่แข็งแรงที่สุดในร่างกาย ฟันที่ใช้เคี้ยวอาหาร นี่แหละ แต่ถึงจะแข็งอย่างไรก็มีโอกาสสูญเสียจากโรคฟันผุโรคเหงือกได้ มีอีกอย่างที่บางท่านคิดไม่ถึงหรือไม่ค่อยระวัง คือการใช้ฟันผิดประเภทมากกว่าการใช้เคี้ยวอาหารเพียงอย่างเดียว เราสามารถยืดอายุฟันออกไปได้ ถ้าระมัดระวังว่าอะไร ควรกัดควรเคี้ยวมีอะไร?
Don' t
ถึงแม้ว่าฟันจะแข็งมาก แต่มีโอกาสแตกหักขึ้นได้ เพราะการที่ไปกัดของแข็งมากๆ เช่น ใช้ฟันแทนที่เปิดฝาเบียร์ ฝาน้ำอัดลม อย่าทำครับ
อย่าใช้ฟันขบกัดของแข็งจนเป็นนิสัยประจำ เช่น กัดก้านแว่นตา ปากกา กัดเข็มเย็บผ้า หรือคาบไปค์นานๆ ฟันจะสึกโค้งตามวัสดุที่กัด
อย่าเคี้ยวหรือใช้ฟันกัดของที่เหนียวมากๆ
อย่าใช้ฟันกัดเปลือกผลไม้ที่แข็งมากๆ เช่น เมล็ดเกาลัก หรือขบแตงโมจนเป็นนิสัยเมล็ด
อย่าใช้ฟันกัดก้ามปู แทะกระดูก

หากคุณที่มีฟันที่เคยอุดไว้ เนื้อฟันที่เหลือจะน้อยลง พึ่งระลึกเสมอว่า ความแข็งแรงลดลงไปด้วยเช่นกัน บางท่านต้องมาพบหมอฟันอย่างฉุกเฉินด้วยฟันหน้าหักเพราะไปใช้ฟันกัดก้ามปู การใช้ฟันหากเราระมัดระวังรู้จักสภาพฟันของเราดีก็จะช่วยลดอุบัติเหตุหรือหลีกเลี่ยงอันตรายกับฟันได้

ถ้าอยากให้ฟันแข็งแรงอยู่กับเรานานๆ ต้องทำอย่างนี้

Dos
เคี้ยวอาหารที่นุ่มและไม่เหนียว
ห้ามใช้ฟันเป็นเครื่องมือในการกัด แทะ หรือเปิดสิ่งของต่างๆ
อย่าเคี้ยวหมากฝรั่งที่มีส่วนผสมของน้ำตาล
รับประทานอาหารที่เป็นกากใย เช่น ผลไม้ ช่วยขัดกวาดทำความสะอาดฟัน แทนอาหารที่มีน้ำตาลเหนียวๆ

ที่สำคัญอย่าลืมว่า หลังการเคี้ยวมื้อหลักๆ แล้วควรทำความสะอาดฟันอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการแปรงฟันหลังอาหารทุกมื้อ ใช้ไหมขัดซอกฟันทำความสะอาดด้านข้างของฟัน และอมน้ำยาบ้วนปาก หรือใช้ฟลูออไรด์เสริมความแข็งแรงให้ฟัน
การดูแลสุขภาพฟันอย่างจริงจัง เลือกอาหาร พบทันตแพทย์เป็นประจำหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่างๆ ในการใช้ฟันบดเคี้ยว คุณก็จะมีสุขภาพที่แข็งแรง มีรอยยิ้มที่ประทับใจ ปฏิบัติตามข้อแนะนำข้างต้น เพิ่มความแข็งแรงให้ฟัน และความสะอาดในช่องปากตลอดไป

ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

จะเลือกแปรงสีฟันแบบไหนดี ?

แปรงสีฟันที่จำหน่ายอยู่มีมากมายหลายแบบทั้งที่ผลิตมาถูกต้องตามหลักวิชาการ และผลิตออกมาแบบแฟชั่นเน้นรูปทรงแปลกๆ สีสันสดสวยตามสมัยนิยม

พ.ต.ท.ทพ.พจนารถ พุ่มประกอบศรี

การทำความสะอาดฟันเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยลดการเกิดฟันผุและโรคเหงือกอักเสบ จากประสบการณ์ของทันตแพทย์ มักจะแนะนำให้ทำความสะอาดฟันด้วยหลักการสากล คือ

  • แปรงฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร
  • ใช้เส้นใยในล่อนขัดตามซอกฟันทุกซี่ เพราะแปรงฟันเพียงอย่างเดียวไม่สามารถขจัดเศษอาหารได้หมดจด เป็นเหตุให้มีฟันผุเหงือกอักเสบได้อีก
  • ใช้น้ำยาบ้วนปากช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียต้นเหตุของฟันผุและเหงือกอักเสบ

หลักใหญ่ๆ ในการทำความสะอาดฟันก็มีอยู่เท่านี้ ซึ่งแปรงสีฟันเป็นอุปกรณ์หลักในการทำความสะอาดฟันและเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน

จะเลือกแปรงสีฟันแบบไหนดี ?

แปรงสีฟันแบบไหนดี ที่จะทำความสะอาดได้เกลี้ยงเกลา
ราคาแพงแต่แปรงขจัดคาบอาหารไม่ค่อยได้ผล บางคนเลยนิยมซื้อเก็บสะสมมากกว่าใช้งาน ก็เก๋ไปอีกแบบ เมื่อแปรงสีฟันเป็นสิ่งจำเป็นของชีวิต ตลาดแปรงสีฟันจึงเป็นธุรกิจ ที่มีมูลค่าสูง การแข่งขันทางตลาดและโฆษณาสูงไปด้วย ความสับสนก็มาตกอยู่ที่ผู้ใช้ว่าจะเลือกแปรงชนิดไหนดี เพราะต่างก็บอกว่าเป็นแปรงที่ดีถูกสุขลักษณะเกือบทุกยี่ห้อ

ถ้ามีแปรง 4 แบบตามภาพนี้ให้เลือก คุณจะเลือกชนิดไหน ?
ถ้าคุณเลือกแบบที่ 4 ก็คงจะตรงกับที่ทันตแพทย์ทั่วไปแนะนำคือ แปรงด้ามตรงจับถนัดมือ ปลายขนเรียบสูงเท่าๆ กัน ซึ่งจะทำความสะอาดได้ดีกว่า 3 แบบที่เหลือ อันนี้เป็นหลักกว้างๆ ในการเลือก

ทีนี้ถ้าจะดูกันละเอียดในส่วนสำคัญที่สุดของแปรงคือ ขนแปรง ในยุคแรกๆ เขาใช้ขนสัตว์มาทำ ที่นิยมมากคือ ขนหมู เริ่มที่ประเทศจีนก่อน ขนแปรงไนล่อน ส่วนเริ่มเข้ามาแพร่หลายเมื่อ 60 ปีที่แล้ว เนื่องจากราคาถูกกว่าและควบคุมมาตรฐานได้ดีกว่า

ในระยะเริ่มแรกของการใช้ขนแปรงไนล่อน ยังไม่มีใครให้ความสำคัญแก่ปลายขนแปรง ขนาดของขนแปรง ตลอดจนความอ่อนหรือความแข็งของขนแปรง จนกระทั่งการค้นคว้าวิจัยของทันตแพทย์หลายคนสรุปตรงกันว่า

  • ปลายขนแปรง จะต้องมีปลายมน
  • ขนาดของขนแปรงควรอยู่ที่ 0.007 นิ้ว
  • ตัวขนแปรงควรมีหลายๆ กลุ่ม (MULTITUFF)
  • ปลายขนแปรงควรวางตัวสูงเรียบๆ เท่าๆ กัน ขนาด ½ นิ้วทุกเส้น

การผลิตแปรงสีฟันให้ได้มาตรฐานแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว โดยเฉพาะกฎเกณฑ์ที่ 1 นั้นเป็นเรื่องยากมาก เพราะต้องใช้เทคนิคสูงในการทำให้ปลายขนแปรงมนได้ทุกเส้น ปกติแล้วการมองขนแปรงด้วยตาเปล่ายากที่จะเห็นได้ชัดเจน จนอาจทำให้คุณมองข้ามความสำคัญส่วนนี้ไป ทั้งที่ขอบคมของปลายขนแปรงนั้นสามารถทำอันตรายต่อเหงือกและฟันได้ เพราะปลายขนแปรงจะเป็นเหลี่ยมและขุย

โดยปกติแล้วจะมีอยู่ 3 คำที่มักเห็นติดอยู่ข้างกล่องแปรงที่ขายกันโดยทั่วไป คือคำว่า END ROUNDED หมายถึงปลายขนแปรงที่มน อีกคำคือ MULTITUFF หมายถึงแปรงที่มีกลุ่มหรือกอขนแปรง เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการขจัดเศษอาหารได้มากที่สุด อีกคำคือ SOFT หรือแปรงที่มีขนอ่อนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.007 นิ้ว ซึ่งมีอันตรายต่อเหงือกและฟันน้อยที่สุด

แต่จริงแล้วแปรงสีฟันเกือบทุกยี่ห้อจะเขียนไว้ข้างกล่องว่า END ROUNDED, MULTITUFF และ SOFT ทีนี้จะมีประสิทธิภาพดีแค่ไหน ผู้มีหน้าที่ควบคุมมาตรฐานสินค้า โฆษณา และคุ้มครองผู้บริโภคน่าที่จะสำรวจคุณภาพดูว่าเป็นจริงตามที่โฆษณาไว้หรือเปล่า

เมื่อเลือกแปรงดีๆ ได้แล้ว ควรจะใช้แปรงนั้นนานแค่ไหน ?
คำตอบ คือไม่สามารถกำหนดได้ เนื่องจากแรงในการแปรงของแต่ละท่านไม่เท่ากัน และขึ้นอยู่กับวิธีแปรงด้วย ถ้าหากปลายขนแปรงปลายบานออก ก็น่าจะเปลี่ยนอันใหม่ได้เลย อย่าประหยัดใช้อยู่เลย เพราะนอกจากไม่สามารถทำความสะอาดได้ดีแล้ว ยังมีผลเสียอันตรายต่อเหงือกและฟันด้วยครับ

ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

  อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ invariety-helath.blogspot.com แหล่งรวมบทความของคนรักสุขภาพ

วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2552

จะเลือกแปรงสีฟันแบบไหนดี ?

การทำความสะอาดฟันเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยลดการเกิดฟันผุและโรคเหงือกอักเสบ จากประสบการณ์ของทันตแพทย์ มักจะแนะนำให้ทำความสะอาดฟันด้วยหลักการสากล คือ
1. แปรงฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร
2. ใช้เส้นใยในล่อนขัดตามซอกฟันทุกซี่ เพราะแปรงฟันเพียงอย่างเดียวไม่สามารถขจัดเศษอาหารได้หมดจด เป็นเหตุให้มีฟันผุเหงือกอักเสบได้อีก
3. ใช้น้ำยาบ้วนปากช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียต้นเหตุของฟันผุและเหงือกอักเสบ
หลักใหญ่ๆ ในการทำความสะอาดฟันก็มีอยู่เท่านี้ ซึ่งแปรงสีฟันเป็นอุปกรณ์หลักในการทำความสะอาดฟันและเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน
แปรงสีฟันที่จำหน่ายอยู่มีมากมายหลายแบบทั้งที่ผลิตมาถูกต้องตามหลักวิชาการ และผลิตออกมาแบบแฟชั่นเน้นรูปทรงแปลกๆ สีสันสดสวยตามสมัยนิยม ราคาแพงแต่แปรงขจัดคาบอาหารไม่ค่อยได้ผล บางคนเลยนิยมซื้อเก็บสะสมมากกว่าใช้งาน ก็เก๋ไปอีกแบบ เมื่อแปรงสีฟันเป็นสิ่งจำเป็นของชีวิต ตลาดแปรงสีฟันจึงเป็นธุรกิจ ที่มีมูลค่าสูง การแข่งขันทางตลาดและโฆษณาสูงไปด้วย ความสับสนก็มาตกอยู่ที่ผู้ใช้ว่าจะเลือกแปรงชนิดไหนดี เพราะต่างก็บอกว่าเป็นแปรงที่ดีถูกสุขลักษณะเกือบทุกยี่ห้อ

ทีนี้ถ้าจะดูกันละเอียดในส่วนสำคัญที่สุดของแปรงคือ ขนแปรง ในยุคแรกๆ เขาใช้ขนสัตว์มาทำ ที่นิยมมากคือ ขนหมู เริ่มที่ประเทศจีนก่อน ขนแปรงไนล่อน ส่วนเริ่มเข้ามาแพร่หลายเมื่อ 60 ปีที่แล้ว เนื่องจากราคาถูกกว่าและควบคุมมาตรฐานได้ดีกว่า
ในระยะเริ่มแรกของการใช้ขนแปรงไนล่อน ยังไม่มีใครให้ความสำคัญแก่ปลายขนแปรง ขนาดของขนแปรง ตลอดจนความอ่อนหรือความแข็งของขนแปรง จนกระทั่งการค้นคว้าวิจัยของทันตแพทย์หลายคนสรุปตรงกันว่า
1. ปลายขนแปรง จะต้องมีปลายมน
2. ขนาดของขนแปรงควรอยู่ที่ 0.007 นิ้ว
3. ตัวขนแปรงควรมีหลายๆ กลุ่ม (MULTITUFF)
4. ปลายขนแปรงควรวางตัวสูงเรียบๆ เท่าๆ กัน ขนาด ½ นิ้วทุกเส้น

การผลิตแปรงสีฟันให้ได้มาตรฐานแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว โดยเฉพาะกฎเกณฑ์ที่ 1 นั้นเป็นเรื่องยากมาก เพราะต้องใช้เทคนิคสูงในการทำให้ปลายขนแปรงมนได้ทุกเส้น ปกติแล้วการมองขนแปรงด้วยตาเปล่ายากที่จะเห็นได้ชัดเจน จนอาจทำให้คุณมองข้ามความสำคัญส่วนนี้ไป ทั้งที่ขอบคมของปลายขนแปรงนั้นสามารถทำอันตรายต่อเหงือกและฟันได้ เพราะปลายขนแปรงจะเป็นเหลี่ยมและขุย
โดยปกติแล้วจะมีอยู่ 3 คำที่มักเห็นติดอยู่ข้างกล่องแปรงที่ขายกันโดยทั่วไป คือคำว่า END ROUNDED หมายถึงปลายขนแปรงที่มน อีกคำคือ MULTITUFF หมายถึงแปรงที่มีกลุ่มหรือกอขนแปรง เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการขจัดเศษอาหารได้มากที่สุด อีกคำคือ SOFT หรือแปรงที่มีขนอ่อนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.007 นิ้ว ซึ่งมีอันตรายต่อเหงือกและฟันน้อยที่สุด
แต่จริงแล้วแปรงสีฟันเกือบทุกยี่ห้อจะเขียนไว้ข้างกล่องว่า END ROUNDED, MULTITUFF และ SOFT ทีนี้จะมีประสิทธิภาพดีแค่ไหน ผู้มีหน้าที่ควบคุมมาตรฐานสินค้า โฆษณา และคุ้มครองผู้บริโภคน่าที่จะสำรวจคุณภาพดูว่าเป็นจริงตามที่โฆษณาไว้หรือเปล่า
เมื่อเลือกแปรงดีๆ ได้แล้ว ควรจะใช้แปรงนั้นนานแค่ไหน ?
คำตอบ คือไม่สามารถกำหนดได้ เนื่องจากแรงในการแปรงของแต่ละท่านไม่เท่ากัน และขึ้นอยู่กับวิธีแปรงด้วย ถ้าหากปลายขนแปรงปลายบานออก ก็น่าจะเปลี่ยนอันใหม่ได้เลย อย่าประหยัดใช้อยู่เลย เพราะนอกจากไม่สามารถทำความสะอาดได้ดีแล้ว ยังมีผลเสียอันตรายต่อเหงือกและฟันด้วยครับ

ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2552

ฟันผุเร็วเพราะดูดนมขวด

ฟันน้ำนมผุเร็วก่อนกำหนด
การเลี้ยงดูเด็กให้มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ นั้นจะต้องมีความเข้าใจและมีความรู้ในเรื่องสุขภาพภายในช่องปาก ปากก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่เราต้องให้ความสนใจและเอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอ เด็กเกิดมาก็เริ่มใช้ปากดูดอาหาร โดยเฉพาะคุณแม่ไม่สามารถให้นมบุตรได้ เช่น อาจจะมีน้ำนมไม่เพียงพอ จำเป็นต้องทำงานนอกบ้าน ก็คงต้องเลี้ยงด้วยนมขวดแทนนมแม่ ปัจจุบันนี้เราซึ่งเห็นเด็กที่มีฟันน้ำนมผุเร็วก่อนเวลาอันสมควรมากมาย เห็นรอยดำ หรือเหลือแต่รากฟันดำๆ ยิ้มทีไรเป็นที่ขบขันหรือถูกล้อเลียนอยู่ร่ำไป

สาเหตุที่ถูกมองข้ามไป
ตัวการใหญ่เลยก็คือ การปล่อยให้เด็กดูดนมแล้วหลับคาขวดนม เพราะคุณแม่ทั้งหลายรู้สึกสบายและได้พัก ถ้าลูกเงียบ เด็กจะเพลิดเพลินกับการดูดขวดนม ไม่ร้องโยแย แต่สิ่งที่ตามมาคือ ฟันเด็กจะแช่อยู่ในน้ำนมเป็นเวลานาน แบคทีเรียที่อยู่ในช่องปากก็พลอยมีความสุขได้อานิสงส์จากน้ำนมหรือน้ำตาลที่ค้างในช่องปาก แล้วมันก็เปลี่ยนให้เป็นกรดทำลายฟันได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะคุณแม่บางคนใส่น้ำผลไม้ น้ำหวานให้ลูกดูดผ่านขวดนมอีกด้วย อย่างนี้ละก็ฟันผุเรียบอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าฟันน้ำนมจะมีช่วงเวลาที่ต้องเปลี่ยนผลัดไปสู่ฟันแท้ แต่ฟันน้ำนมก็เป็นสิ่งที่ต้องรักษาให้ยาวนาน จนถึงช่วงเวลาอันเหมาะสมที่ฟันแท้จะเข้ามาแทนที่ เราต้องดูแลฟันน้ำนมอย่าให้ผุ แข็งแรงเด็กจะได้ใช้เคี้ยวอาหารได้โดยไม่ปวดหรือเจ็บฟัน
  • ฟันน้ำนม ช่วยให้เด็กพูดชัด ยิ้ม แล้วดูดีมีความสุข
  • ฟันน้ำนมยังช่วยรักษาช่องว่างให้ฟันแท้ขึ้นเป็นระเบียบ
  • หากฟันน้ำนมถูกถอนก่อนเวลา ฟันข้างๆ จะล้มเข้าหากัน ฟันแท้ขึ้นมาไม่ได้ก็ออกนอกแถว กลายเป็นฟันเกเรียงกันไม่เป็นระเบียบ
การดูแลรักษาฟันน้ำนมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง อย่าคิดว่าอย่างไรก็ยังมีฟันแท้อยู่

เราจะป้องกันกับฟันผุในเด็กได้อย่างไร
  • หลังจากดื่มนมแล้ว ควรให้เด็กดื่มน้ำตาม ควรใช้ผ้าก๊อซ ชุบน้ำ ทำความสะอาดโดยถูเหงือกและฟัน
  • อย่าปล่อยให้เด็กหลับคาขวดนม
  • เริ่มแปรงฟันเมื่อฟันซี่แรกขึ้น และใช้ไหมขัดฟันเมื่ออายุย่างเข้า 2 -2 ½ ขวบ
  • อย่าให้เด็กติดขวดนม โดยเฉพาะอย่าเลี้ยงเด็กด้วยขวดนมใส่น้ำหวาน นมข้น หรือน้ำอัดลม
  • ปรึกษาทันตแพทย์ในการใช้ฟลูออไรด์ เพื่อการเสริมสร้างเนื้อฟันให้แข็งแรง
  • ควรพาเด็กไปพบหมอฟันครั้งแรก เมื่อวันเกิด และตรวจฟันอย่างสม่ำเสมอปีละ 2 ครั้ง
ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

บุหรี่กับสุขภาพช่องปาก

ผลของการสูบบุหรี่อันตรายมีผลต่อสุขภาพมากมาย ควันบุหรี่ไม่ว่าผ่านไปที่ไหนที่นั้นมีผลกระทบหมด ด่านแรกคือ ในช่องปาก จะมีฟัน เหงือก ผนังแก้ม และเยื่อบุต่างๆ คนที่สูบบุหรี่จัดหรือสูบเป็นประจำอวัยวะเหล่านี้ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดี

Article : พ.ต.ต.ทพ.พจนารถ พุ่มประกอบศรี

แม้ว่า...จะมีการรณรงค์ในการงดสูบบุหรี่หลายๆ รูปแบบ เช่น กำหนดพื้นที่ห้ามสูบบุหรี่ มีคำเตือนถึงอันตรายของการสูบบุหรี่พร้อมรูปของผลเสียและโรคที่เกิดจากสูบบุหรี่อยู่ข้างซองอย่างชัดเจน แต่บุหรี่ก็ยังขายดี และดูเหมือนว่าผู้สูบจะมีอายุน้อยลงเรื่อยๆ ก็เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

เพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งในช่องปากและโรคเหงือก

บุหรี่กับสุขภาพช่องปาก

  • บุหรี่จะทำให้เหงือกเปลี่ยนเป็นสีคล้ำดำขึ้น บุหรี่ทำให้เนื้อเยื่อเหงือกไม่แข็งแรงโดยเฉพาะความสามารถการยึดเกาะคอฟันและกระดูกจะลดลง นำมาซึ่งอาการเหงือกร่น รากฟันจะถูกเปิดออกมา คนที่สูบบุหรี่จึงมักจะมีอาการเสียวฟันมากเมื่อฟันสัมผัสกับอาหารร้อนๆ หรือน้ำเย็นๆ จนหมดความสุขในการกินเลยทีเดียว
  • การที่รากฟันโผล่ ไม่ใช่แต่จะทำให้เสียวฟันเท่านั้น แต่มันยังทำให้รากฟันผุได้ง่ายขึ้นด้วย ซึ่งยากต่อการซ่อมแซมแก้ไข เหมือนฟันผุที่ตัวฟันโดยทั่วไป
  • การสูบบุหรี่จะบั่นทอนและทำให้แผลหายช้าลง หากมีการถอนฟันหรือผ่าตัดในช่องปาก โดยเฉพาะผู้ที่จะทำการผ่าตัดใส่รากฟันเทียม คนที่สูบบุหรี่จะมีความเสี่ยงที่รากฟันเทียมจะหลุดได้ง่ายกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ อีกอย่างที่คนสูบบุหรี่มักไม่ค่อยทราบคือ การสูบบุหรี่ทำให้มีกลิ่นปาก และก่อให้เกิดการเกาะของหินปูนง่ายขึ้น มีคราบสีดำติดที่ฟันและลิ้น

คนที่สูบบุหรี่มีอัตราเสี่ยงสูงต่อการเป็นมะเร็งในช่องปาก มีอาการหลายอย่างเมื่อเกิดขึ้นแล้วควรให้ความสำคัญอย่านิ่งนอนใจ และต้องรีบพบแพทย์

  • เป็นแผลในช่องปากนานๆ ปวดแสบปวดร้อนไม่หายสักที
  • บริเวณในช่องปากมีอาการปวด ตึงๆ มีอาการชาเป็นเวลานานๆ
  • มีแผลที่มีลักษณะเหี่ยวๆ ย่นๆ จากเนื้อเหงือก หรือเนื้อแก้มข้างๆ เช่น มีสีเทาแดงสด หรือมีขาวๆ เป็นปื้นๆ
  • อาการกลืนลำบาก เคี้ยวอาหารติดขัด พูดขยับขากรรไกร และลิ้นได้ยากขึ้น
  • ฟันเคลื่อนเปลี่ยนตำแหน่ง หรือบางทีมีความรู้สึกคล้ายฟันถูกเบียด

อาการเหล่านี้เหมือนเป็นสัญญาณเตือนให้ต้องรีบตรวจรักษาทันที อย่ารอช้าเพราะมะเร็งในช่องปากในระยะเริ่มต้นยังมีความหวังในการรักษาให้หายได้

อย่างไรก็ตามเราทราบถึงพิษร้ายของบุหรี่แล้ว ไปที่ทางเลือกอื่นเลย คืออย่าเข้าไปเกี่ยวข้องหรือเลิกได้เป็นดีที่สุด ดูแลอนามัยในช่องปากให้สะอาดปลอดมลพิษ อมน้ำยาบ้วนปากหลังแปรงฟันทุกครั้ง และตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำครับ

ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

ข้อมูลโดย : นิตยสาร Health Today

  อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ invariety-helath.blogspot.com แหล่งรวมบทความของคนรักสุขภาพ

วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2552

ฝ่าปราการลดความอ้วนให้ได้สักที

คุณรู้ตัวว่ามีน้ำหนักเกินพอดี ใครๆ ก็ยุให้ลดน้ำหนัก อยากทำนะแต่ทำไม่ได้สักที อุปสรรคสำหรับการลดน้ำหนักของคุณตรงกับข้อไหนในรายการนี้บ้าง...
คุณรู้ตัวว่ามีน้ำหนักเกินพอดี ใครๆ ก็ยุให้ลดน้ำหนัก อยากทำนะแต่ทำไม่ได้สักที อุปสรรคสำหรับการลดน้ำหนักของคุณตรงกับข้อไหนในรายการนี้บ้าง
  • ไม่มีเวลา
  • ไม่รู้จะลดยังไง
  • อดใจไม่ได้...ก็ของชอบกินทั้งนั้นนี่นา
  • เอาไว้ก่อน ไว้พรุ่งนี้ค่อยเริ่มแล้วกัน
  • ลดแล้วเดี๋ยวน้ำหนักก็กลับมาอีก เริ่มท้อแล้วนะ
  • ฯลฯ
ถ้าคุณแบบนี้ ลองนึกเพิ่มอีกข้อสิคะว่า หากคุณไม่เริ่มจัดการตัวเองเสียตั้งแต่วันนี้ พรุ่งนี้อาจจะทำได้ยากกว่าเดิม หากอยากมีรูปร่างดีๆ มีสุขภาพดีแข็งแรงก็อย่าผัดวันประกันพรุ่ง หากไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดีเรามีข้อเสนอให้คุณทำตามทีละขั้น
ฝ่าปราการลดความอ้วนให้ได้สักที

อย่างแรกลองหากระดาษมาสักแผ่น พับครึ่งตามยาวจนแบ่งกระดาษออกเป็นสองส่วน ให้คุณลองเขียนอุปสรรคของการลดน้ำหนักลงบนกระดาษฝั่งซ้าย ส่วนฝั่งขวาให้นึกดูว่า คุณจะได้ประโยชน์อะไรจากการลดน้ำหนักสำเร็จ สิ่งที่คุณเคยอยากเป็น คุณจะทำอะไรบ้างเมื่อผอมลงและแข็งแรงกว่านี้ที่ตอนนี้ยังทำไม่ได้ เสร็จแล้วลองเอารายการ 2 ข้างนี้มาเปรียบเทียบกันดูว่าคุณรู้สึกอย่างไร คิดว่าจะก้าวข้ามอุปสรรคเหล่านี้ไปได้หรือไม่?

หากคุณเคยพยายามลดน้ำหนักมาแล้ว ก็ใส่รายการลงไปด้วยว่าวิธีการลดน้ำหนักแบบไหนที่คุณทำสำเร็จ แบบไหนที่ทำไม่สำเร็จ เพื่อนำมาปรับปรุงในการเริ่มต้นใหม่คราวนี้

ตั้งเป้าหมายให้กับการลดน้ำหนัก
จากนั้นวางเป้าหมายระยะยาวสำหรับการลดน้ำหนักในครั้งนี้ เช่น ตอนนี้คุณสูง 160 ซ.ม. เมื่อเทียบกับค่า BMI ที่เหมาะสมซึ่งควรจะอยู่ที่ 23 คุณควรจะมีน้ำหนักประมาณ 58.8 กก.จึงจะดี แต่คุณหนัก 70 ก.ก. ดังนั้นอาจวางเป้าหมายเพื่อลดน้ำหนักให้ได้ 11 ก.ก. ฟังดูไม่ไกลเกินเอื้อมเท่าไหร่ (ลด 5%-10% ของน้ำหนักตัวเดิมกำลังดี) หรือตั้งใจว่าจะวิ่งจ๊อกกิ้งหรือเดินเร็วๆ ให้ได้วันละ 2 ก.ม. วันเว้นวัน หากมีความดันสูงก็อาจตั้งเป้าหมายลดความดันลงมาให้เป็นปกติให้ได้ภายใน 1 เดือน ฯลฯ เป้าหมายที่ตั้งนี้ควรจะมีตัวเลขที่เห็นเป็นรูปธรรมเพื่อจะได้รู้เวลาที่คุณบรรลุเป้าหมายแล้ว จะได้มีกำลังใจมากขึ้น คุณอาจปรึกษาคุณหมอให้ช่วยพิจารณาตั้งเป้าหมายที่เหมาะสมสำหรับคุณด้วยก็ได้ จากนั้นก็เริ่มดำเนินการลดน้ำหนัก

วางแผนลงมือทำจริง
หลังจากวางเป้าหมายระยะยาวแล้วก็ค่อยๆ ทำทีละขั้นโดยวางเป้าหมายสั้นๆ ไปก่อน และกำหนดวิธีการลงมือกระทำ เช่น
อยากจะ
วิธีทำ
เป็นคนกระฉับกระเฉงคล่องตัวขึ้น
- ขึ้นบันไดแทนขึ้นลิฟต์ ทุกวัน
- เดินไปกินข้าวกลางวันที่ปากซอยแทนขับรถ
ลดไขมันสะสมในร่างกาย
- ใส่นมพร่องมันเนยในกาแฟแทนครีม
- กินผลไม้เป็นอาหารว่างแทนขนมหวานหรือเค้ก

วัดผลบันทึกความก้าวหน้าในแต่ละวัน
ด้วยการลงมือจดในสมุดบันทึกประจำวัน ทั้งเป้าหมายที่คุณต้องการไปให้ถึงและสิ่งที่ทำลงไป วันนี้ออกกำลังกายอะไรไปบ้าง กินอะไรไปกี่อย่าง น้ำหนักที่ลดลงไปเท่าไหร่ ในช่วงแรกๆ คุณอาจจะหงุดหงิดที่ต้องใช้เวลาในการจด แต่ถ้าได้เห็นความก้าวหน้าที่ตัวเองทำได้คุณจะมีกำลังใจตั้งหน้าลดน้ำหนักต่อไป

ไม่ต้องรีบร้อนนะคะ หากคุณลดน้ำหนักได้สัปดาห์ละครึ่งหรือ 1 ก.ก.ได้ก็นับว่าเก่ง เพราะหากหักโหมกว่านี้คุณอาจจะเสียน้ำหรือกล้ามเนื้อในร่างกายมากเกินพอดี อย่างนี้ไม่ถูกต้องค่ะ และเมื่อทำสำเร็จในแต่ละระยะก็ให้รางวัลกับตัวเองสักครั้ง อาจพาตัวเองไปนอนแช่น้ำอุ่นให้สบายใจไปเลย หรือไปเดินช้อปปิ้งให้เพลินๆ แม้กระทั่งนอนอ่านหนังสือเล่มโปรดให้สบายใจก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
ฝ่าปราการลดความอ้วนให้ได้สักที

กินให้ดีมีคุณค่าแต่ไม่อ้วน
ในฉบับนี้เรามีเรื่องที่ว่าด้วยการกินอย่างไรไม่ให้อ้วนลองพลิกไปอ่านดูได้ ตรงนี้จึงแค่อยากเน้นว่าคุณควรกินอาหารให้ครบทุกมื้อ โดยเฉพาะมื้อเช้าสำคัญที่สุด เคี้ยวช้าๆ ไม่ต้องรีบกิน กินอาหารให้หลากหลายประเภทครบทุกหมู่ แต่หักห้ามใจกินปริมาณน้อยๆ หากเกิดอารมณ์อยากกินทั้งที่ยังไม่หิวสักหน่อยก็ควรหยุดชั่งใจสักนิดว่าทำไมจึงต้องกิน แล้วพยายามเลี่ยงไปหาอย่างอื่นทำแทน บางคนที่ชอบหาอะไรกินเพราะแก้เบื่อแก้เครียด ลองเปลี่ยนไปเดินเล่นดูสักรอบดีกว่านะคะ

เคล็ดลับสำคัญที่ต้องท่องไว้เลยคือ กินมันน้อยๆ และถึงจะเป็นอาหารแคลอรีต่ำก็อย่ากินเยอะ กินอาหารที่มีกากใยสูงๆ เช่น ผักผลไม้ธัญพืชพาสต้าหรือถั่ว แล้วก็ดื่มน้ำเปล่ามากๆ 8-10 แก้วต่อวัน เพื่อไปช่วยบริหารกระเพาะให้ทำงานไม่สะดุด แถมลดความรู้สึกหิวได้ด้วย อาจจะสลับกับชาสมุนไพร น้ำผลไม้ หรือน้ำซุปใสไร้แคลอรีต่างๆ

ออกกำลังกายเพิ่มการเผาผลาญแคลอรี
หลายคนยังมีปัญหากับการออกกำลังกายแม้จะรู้ว่ามีประโยชน์ก็ตามแต่ส่วนใหญ่จะเกิดจากการเอาชนะความขี้เกียจไม่ได้ บ้างก็อ้างว่ารอให้ลดน้ำหนักได้ก่อนถึงจะไปออกกำลังกาย ถ้ามัวคิดแบบนี้คงไปไม่ถึงไหนแน่ ดังนั้นอย่ามัวคิดอ้างนั่นนี่เลยดีกว่าค่ะ ลงมือออกกำลังกายให้เห็นผลกันจะๆ
เมื่อแคลอรีจากการอาหารถูกเผาผลาญ ไขมันส่วนเกินคุณก็จะค่อยๆ หมดไปเปลี่ยนเป็นกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ยิ่งมีกล้ามเนื้อมากร่างกายก็จะยิ่งเผาผลาญแคลอรีได้เร็วขึ้น คราวนี้คุณก็จะกลับมาเป็นคนใหม่ที่ฟิตและเฟิร์มจริงๆ วิธีการก็ไม่ยากค่ะลองหากิจกรรมที่คุณจะสนุกไปด้วยได้ เช่นไปร่วมคลาสเต้นแอโรบิค ขี่จักรยาน เรียนเต้นรำ จูงสุนัขไปเดินเล่น ร่วมแข่งกีฬา หรือแม้แต่ไปเดินตามห้างหรือตลาดนัดสัก 2 ชั่วโมงก็ได้ออกกำลังกายไปในตัว

ทำให้เป็นกิจวัตรอย่างเคร่งครัด
ข้อนี้สำคัญที่สุดค่ะ เพราะคุณมีเป้าหมาย มีแผนการ รู้วิธีดำเนินการต่างๆ หมดแล้ว หากคุณไม่เริ่มลงมือทำเป้าหมายที่วางไว้ก็ไร้ประโยชน์ ดังนั้นต้องหากำลังใจให้ตัวเองเพื่อไปให้ถึงที่หวัง นึกถึงเป้าหมายที่คุณอยากมีสุขภาพดี เสื้อสวยๆ ที่คุณอยากใส่ หุ่นดีๆ ที่อยากมี ดูตัวเลขน้ำหนักที่คุณบันทึกไว้และทำสำเร็จ ก็จะมีพลังใจที่เข้มแข็งไม่หวั่นไหวกับสิ่งยั่วยวน แล้วเมื่อคุณสามารถบังคับตัวเองให้ออกกำลังกาย ลดอาหารจุบจิบต่างๆ ได้สักพักหนึ่งแล้ว คุณก็จะมีกิจวัตรประจำวันใหม่เพื่อสุขภาพที่ดี

เห็นมั้ยคะ...ไม่ยากเลยสำหรับการลดน้ำหนัก เริ่มกันเลยวันนี้ดีกว่ามั้ย...


รวมทิปสำหรับที่ช่วยให้คุณทำสำเร็จได้ง่ายขึ้น
  • หากมีปัญหาสุขภาพอยู่แต่เดิม ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนวางแผนออกกำลังกายว่าทำอย่างไรจึงเหมาะสม
  • การออกกำลังกายที่ดีควรทำทั้งแอโรบิค (เช่น เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน) และแอนแอโรบิค (ยกน้ำหนัก ฝึกกล้ามเนื้อ) ไปควบคู่กัน
  • หากวิถีชีวิตประจำวันของคุณหลังเลิกงานคือการกินข้าวแล้วก็นั่งจุมปุ๊กดูทีวีจนเข้านอน ลองปันเวลามาสักครึ่งชั่วโมงเพื่อออกกำลังกายไป ดูทีวีไปด้วยไม่เสียหลาย
  • ไม่จำเป็นต้องตั้งเป้าหมายว่าคุณจะต้องผอมเหมือนดาราหรือนางแบบที่เห็นในทีวี เอาแค่ลดน้ำหนักลงมาให้มีพอดีๆ สมส่วนกับตัวคุณเองดีกว่า การหักโหมลดน้ำหนักจนสุขภาพแย่ตามไปด้วยไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องสำหรับการลดน้ำหนัก
ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2552

10 วิธีง่ายๆ ในการเผาผลาญพลังงาน

การที่แต่ละวันคุณมีโอกาสได้ทำกิจกรรมต่างๆ บ้างเป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยให้คุณได้ใช้พลังงานส่วนเกินที่สะสมจากอาหารที่กินเข้าไปได้ แม้คุณจะไม่ได้ออกกำลังกายหนักหน่วงจริงจังอย่างการเล่นกีฬา
แต่อย่างน้อยก็ได้ออกแรง ขยับกล้ามเนื้อแขนขา ช่วยควบคุมน้ำหนัก แถมยังลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจและกระดูกพรุนอีกต่างหาก

เราได้สรรหากิจกรรมง่ายๆ ที่บางทีคุณอาจมองข้ามไป มาแนะนำให้คุณลองมาดูกันว่ากิจกรรมใดใช้พลังงานสักเท่าใดกัน และแบบไหนที่คุณน่าจะทำได้บ้าง
10 วิธีง่ายๆ ในการเผาผลาญพลังงาน
  • ลุกขึ้นมาเดินคุยโทรศัพท์แทนที่จะนั่งเฉยๆ
    สำหรับคนที่ทำงานนั่งโต๊ะ ระหว่างโทรศัพท์เป็นโอกาสดีที่คุณจะได้ลุกจากที่นั่งที่คุณจุมปุ๊กมาทั้งวัน แม้จะไม่ได้ใช้พลังงานมากนักแต่อย่างน้อยก็ทำให้คุณได้ขยับแข้งขา เพิ่มการไหลเวียนของเลือดทั่วร่างกาย การเลือกโทรศัพท์ประเภทไร้สายมาใช้จะช่วยได้มาก
  • เดินไปส่งเอกสารข้ามออฟฟิศด้วยตัวเอง
    มีบางครั้งที่คุณต้องการจะยื่นเอกสารไปแผนกข้างๆ หรือต้องเดินข้ามชั้นหากที่ทำงานมีขนาดใหญ่ แทนที่จะใช้คนอื่นทำแทน คุณอาจลองหาช่วงเวลาเหมาะๆ แล้วลุกขึ้นเดินไปส่งเอกสารเหล่านั้นด้วยตัวเอง นอกจากจะได้ออกแรงเดิน หรือขึ้นลงบันไดแล้ว ยังได้ของแถมเป็นโอกาสเชื่อมสัมพันธไมตรีกับเพื่อนร่วมงานอีกต่างหาก
  • หาเวลาว่างไปเดินช้อปปิ้ง
    การไปเดินตามห้างสรรพสินค้า หรือตลาดนัดเป็นทางออกของหลายๆ คนในการใช้เวลาว่างวันหยุด ไม่เพียงเพลินตาสบายใจเท่านั้น แต่เป็นโอกาสที่คุณจะได้ออกกำลังกายแบบไม่รู้ตัว ลองคิดดูว่าถ้าไปเดินห้างตลอดบ่ายวันเสาร์ นั้นเท่ากับคุณเดินไม่หยุดถึง 4-5 ชั่วโมงเลยทีเดียว จะให้ดีน่าจะสวมเสื้อผ้าที่สบายๆ ใส่ถุงเท้ารองเท้ากีฬาด้วยเสียเลย จะช่วยให้การเดินของคุณสนุกยิ่งขึ้น
  • ทาสีบ้าน
    เชื่อไหมว่าการทาสีบ้านจะผลาญพลังงานคุณได้อย่างน้อยๆ ก็ประมาณ 300 แคลอรีต่อชั่วโมง แถมยังช่วยให้คุณได้ออกกำลังแขน และลำตัวได้อีกต่างหาก
  • ทำความสะอาดบ้านให้เอี่ยมอ่อง
    วันหยุดสุดสัปดาห์ หากคุณได้ลงมือทำความสะอาดบ้านให้หมดจด ทั้งกวาด ทั้งถู ดูดฝุ่น เช็ดหน้าต่าง นอกจากจะทำให้บ้านสะอาดน่าอยู่แล้ว ยังได้ออกกำลังผลาญพลังงานถึง 420 แคลอรีต่อชั่วโมงโดยประมาณด้วย
  • ทำสวนตัดหญ้า
    สำหรับคนที่บ้านมีบริเวณ การใช้เวลาขลุกอยู่ในสนามหญ้าหน้าบ้าน ทำสวน พรวนดิน ปลูกต้นไม้ จะได้ใช้พลังงานถึง 360 แคลอรีต่อชั่วโมง พอๆ กับการเล่นแบดมินตัน หากสนามกว้างหน่อยเดินไถรถตัดหญ้าบ้างก็ดี ก็จะช่วยผลาญพลังงานได้ถึง 420 แคลอรีต่อชั่วโมง หนักพอๆ กับเล่นเทนนิสเลยทีเดียว
  • เดินหาที่กินไกลๆ ออฟฟิศ
    ใช้เวลาพักกลางวันให้เป็นประโยชน์กับสุขภาพและการออกกำลังกาย ด้วยการเดินไปหาของกินอร่อยๆ ไกลออฟฟิศขึ้นอีกนิด แทนที่จะพึ่งพาแต่โรงอาหารประจำอาคารเหมือนทุกวัน อย่างน้อยๆ ก็ช่วยให้คุณได้โอกาสเดินมากขึ้น ใช้พลังงานจากอาหารที่กินเข้าไป ลดการสะสมไขมันไม่มากก็น้อย
  • ถือตะกร้าจ่ายตลาดในซูเปอร์มาร์เก็ตแทนใช้รถเข็น
    หากคุณต้องการซื้อสิ่งของเพียงไม่กี่ชิ้นที่คิดว่าพอถือไหว ก็ควรใช้ตะกร้าแทนรถเข็น เพื่อให้แขนได้ออกแรงยกของระหว่างเดิน อย่างน้อยๆ ก็ช่วยเผาผลาญพลังงานเสมือนกับการเล่นเวท และอย่าลืมสลับข้างเพื่อให้แขนและไหล่ทั้ง 2 ข้างได้ออกแรงเท่าเทียมกัน
  • เดินขึ้นบันไดแทนขึ้นลิฟท์
    การขึ้นบันไดแต่ละครั้งคุณจะใช้พลังงานประมาณ 10 แคลอรีต่อชั้น เป็นโอกาสง่ายๆ ที่จะใช้เผาผลาญพลังงาน แล้วยังได้ออกกำลังขาอีกต่างหาก
  • โดยสารรถประจำทาง/รถไฟฟ้าแทนการขับรถ
    เมื่อคุณต้องไปพบเพื่อน หรือลูกค้านอกออฟฟิศ หากเส้นทางที่จะไปอยู่ในเส้นทางเดินรถไฟฟ้า หรือมีรถประจำทางวิ่งผ่าน คุณลองจอดรถของคุณไว้แล้วใช้บริการขนส่งมวลชนดูบ้าง ไม่เพียงประหยัดค่าน้ำมัน ยังเป็นโอกาสที่จะได้เดินมากขึ้น ขึ้นลงบันได ใช้พลังงาน แถมยังได้สัมผัสชีวิตริมทางที่คุณไม่ค่อยได้เห็นได้อีกด้วย
10 วิธีที่กล่าวมานี้คงเป็นเพียงตัวอย่างกิจกรรมที่คุณเลือกทำได้ง่ายๆ นอกเหนือจากการออกกำลังกาย เพราะชีวิตประจำวันของคุณมีอะไรต้องทำมากมายไม่ซ้ำกัน ลองสรรหาสิ่งแปลกใหม่ให้ตัวเองทำ โดยตั้งใจจริงว่าจะต้องใช้พลังงานให้เป็นประโยชน์ แล้วคุณจะพบว่าตัวเองได้สุขภาพแข็งแรงเป็นผลตอบแทนกลับคืนมาที่คุ้มค่าจริงๆ
ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

Reviews Camcorders.

 

INVariety Copyright © 2009 Cookiez is Designed by Ipietoon for Free Blogger Template